ข้อความต้นฉบับในหน้า
สืบราชสมบัติพญานาค ( ๑๓
ความเชื่อต่อเทพเจ้าแห่งลำน้ำ ดังนั้นเมื่อละ
โลกแล้ว จึงไปเกิดเป็นบุตรของพญานาคราช
โอมินทร ณ เมืองบาดาลใต้สองผืนแผ่นดิน
ไทยลาว บริเวณลุ่มแม่น้ำโขง โดยเกิดแบบ
โอปปาติกะ บนตักของอัครมเหสี พญานาค
ราชดีใจที่ได้บุตรผู้มีบุญญาธิการ ได้ทำพิธี
สมโภช และขนานนามแก่บุตรว่า มธุรนาคราช
ชื่อนี้ถือนิมิตจากผิวพรรณของท่านว่า
เหมือนสีน้ำผึ้ง คือ เป็นสีน้ำตาลทองเข้มๆ ซึ่ง
เป็นอานิสงส์แห่งการถวายน้ำผึ้งครั้งเป็นมนุษย์
เมื่อเจริญวัยขึ้นมา ผิวพรรณกลับเปล่งปลั่ง
เป็นสีทอง เหล่านาคทั้งหลายจึงขนานนาม
ท่านว่า สุวรรณมธุรนาคราช แปลว่าพญานาค
น้ำผึ้งทอง
ฝ่ายชาวบ้านที่มีจิตเลื่อมใสในพระดาบส สัมพุทธเจ้าทรงเปิดโลกด้วย ในวันนั้นเอง
และตามมาสักการะแต่ไม่พบ ภายหลังได้มา โดยพุทธานุภาพทำให้สัตวโลกทั้งหลายใน
เกิดเป็นบริวารของสุวรรณมธุรนาคราช ภพสาม” นอกจากจะแลเห็นพุทธลักษณะอัน
โดยเกิดเป็นนาคในกำเนิดต่างๆ ตามกำลังบุญ งดงามและฉัพพรรณรังสีอันสว่างไสวรอบ
ของตน ซึ่งมีทั้ง ๔ กำเนิด คือโอปปาติกะ พระวรกายแล้ว ทั้งสัตว์นรก มนุษย์และเทวดา
(เกิดแล้วโตทันทีเช่นเดียวกับเทวดานางฟ้า) ยังสามารถเห็นซึ่งกันและกันอย่างชัดเจน
สังเสทชะ (เกิดจากเหงื่อไคล หรือที่ชื้นแฉะ อีกด้วย
โสโครก) ชลาพุชะ (เกิดในครรภ์เช่นเดียวกับ
มนุษย์) และอัณฑชะ (เกิดในฟองไข่เช่นเดียว
กับงูทั่วไป)
เมื่ออายุเกือบ ๕๐๐ ปี ซึ่งเป็นช่วงอยู่
ในวัยรุ่น มธุรนาคราชได้ติดตามพญานาคราช
โอมินทร บิดา ขึ้นไปบนพื้นดิน และได้เห็น
เหตุการณ์วันเทโวโรหณะ ขณะพระสัมมา
* โอมินทรนาคราช และสุวรรณมธุรนาคราช บางแห่งเรียกว่า
พญาศรีสุทโธ และพญาคำโพธิราช
9 วันเทโวโรหณะ : ในสมัยพุทธกาล มีครั้งหนึ่งพระสัมมาสัมพุทธ
เจ้าเสด็จไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อโปรดพุทธมารดา
แล้วเสด็จลงจากดาวดึงส์ในวันออกพรรษา
ภพสวรรค์ชั้นต้นระดับภุมเทวา)
๒ ภพสาม ได้แก่ มนุษยโลก เทวโลก และนรกภูมิ (ภพบาดาลอยู่ใน