บทเรียนจากคนจนและเศรษฐีในอดีต จนข้ามภพ รวยข้ามชาติ หน้า 17
หน้าที่ 17 / 26

สรุปเนื้อหา

เนื้อหานี้พูดถึงเหตุการณ์ในอดีตเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างคนจนและเศรษฐี โดยยกตัวอย่างจากชีวิตของอดีตรัฐมนตรียศรีและศิษย์วัดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างรู้จักพอ รวมถึงความจนที่จริงแท้ในสังคมไทยที่มีทั้งคนจนที่พออยู่ได้และคนที่ไม่มีอะไรเลย มีการเล่าถึงประสบการณ์ของผู้คนที่ทำงานหนักแต่ยังคงอยู่ในสภาวะยากจน รวมถึงการมองเห็นและเข้าใจชีวิตแบบคนจนที่สืบทอดกันมาหลายชาติ ในที่สุดเสนอว่าความรู้จักพอก็อาจส่งผลต่อการอยู่รอดในชีวิตอย่างยั่งยืน

หัวข้อประเด็น

-บทเรียนจากอดีตรัฐมนตรียศรี
-ความแตกต่างระหว่างคนจนกับเศรษฐี
-การใช้ชีวิตอย่างรู้จักพอ
-ประสบการณ์ชีวิตในอดีต
-ความหมายของความจนและความร่ำรวย

ข้อความต้นฉบับในหน้า

อดีตรัฐมนตรียศรีข้าทำหนึงเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๐ เช้าวันหนึ่ง ขณะออกจากบ้านไปทำงาน ได้พบคุณคนหนึ่งที่บ้าน ขอทานคนนั้นเห็นทานเข้าทางตรงเข้ามาเผื่อเมือเงิน ทานล่างกระเป๋าใปรุงวแล้วเป็นเช่นบยง ไม่สนใจไม้เกิดขึ้นในย่ามสักก้ คือโลและ ๙ บาท จึงส่งรับผิดในนั้นใช้ของทางไป ขอทานคนนึงครับ แล้วกรับแล้วกรับอีก ก็บก็ร่าไหว้พระ++ยเบวขอพรทั้งนั้น ๕ บาท วันนี้เอง ครับไปถึงที่ทำงาน ก็ไหว้เพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของธนาคาร นั่งรออยู่ด้วยสีหน้าอนทุกๆ พอถามเข้า ก็ได้รับคำตอบว่า นอนไม่หลับมาหลายคืนเพราะลูกกิจกระรางจากงานผิดพลาด มั่งเสื้อสินค้าที่ข้ามาเลยได้ก็น้อยลง เขาน่าว่า “แทนที่จะได้กาะไร้ ๕๐ ล้าน กลับได้แค่ ๓๐ ล้านเท่านั้น มันน่าแค้นนัก ปล่อยให้เก่ารายไป ๒๐ ล้าน” รัฐมนตรีย่านนั้นนับว่า วันนี้เลยลูกค้าา๙๐๐ไอ้... ใครหนอก็รวยกว่ากัน ข อทานได้ ๕ บาท ดีเหลือเกิน คิดว่าพอแล้ว แต่เพื่อนเราเสียใจว่าได้กว่าไร้ ๓๐ ล้าน อย่างนี้ต้องบอกขาว่าเจ้าของธนาคารเสียแล้ว ขอนถามรวยเพราะรู้จักพอ แต่เศรษฐียังอยู่ เพราะไม่รู้จักพอ... คนาชนประเภทที่ ๒ จนเพราะ ไม่มีจริงๆ คือ ไม่มีทรัพย์สมบัติรอจัดติดตัวเลย เรามักพูดเป็นจำนวนว่า “ไม่มีแม่ขาวสาระกอนหล่อ” สำหรับคนจนประเภทนี้ ถ้าไม่รีบยึด ไม่มองขอแต่งตัวให้มาหากิน ได้จะดีๆ อาจเป็นเศรษฐีได้ ตัวอย่างเศรษฐีที่ก่อสร้างจากเสื้อผ้าหมดไป มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่คุณประเภทนี้ทั้งร่ำรวยทั้งใจบุญ แต่ก็คนอยู่ประเภทนี้ จนสุดจริงๆ ทำอย่างไรก็ไม่ได้อับไปนับชิ้น ยอดๆ อยากๆ ตลอดชาติใครจะช่วยอย่างไร ก็มีแต่ให้ไม่ถึงที่ เนื่องจากคนประเภทนี้ยากรณ์ทำหนักฝีมือช้าในอดีตชาติ แต่ก็มีคนอยู่ประเภทหนึ่ง จนสุดอจีจริงๆ ทำอย่างไรก็เสียบ้างอับไปน้อยๆ อดๆ อยากๆ ตลอดชาติใครจะช่วยอย่างไรมีผีอื่นเป็นให้ชวยไม่โชดกันในตอนสุดท้ายก็รอเดี ทำนรรรมอะไรจริงจนข้ามภพ หลวงพ่อมีเรื่องในอดีต ของคนที่จนนคนนี้ที่สุดมาแลกให้ฟังอีกเรื่อง เป็นเรื่องในพระไตรฏิปฏ เป็นตัวอย่างชีวิตของคนที่สุดแทบไม่น่าเชื่อ แต่เชื่อเถอะเพราะว่าด้วยในปัจจุบันก็ยังให้เห็น คนนจนที่สุด และจนบามาม่านชนิดไม่วุ่นให้หลวงพ่อเล่าให้ฟังใน ชาติสุดท้ายท่านเป็นดังพระอรหันต์ที่ออกๆ อยากๆ จนสันอายุย ท่านเป็นพระอรหันต์เถระในสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขณะทรงพระมงก์ ชื่อของท่านคือ พระโลกตกาลสรระ (โล-สะ-ระ-จิต-สะ-เต-นะ-วะ) ท่านมีประวัติที่แปลกมากคือ เป็นคนตาถีบตั้งแต่วันเกิด ท่านเกิดในครอบครัวของหญิงชาวประมงที่พึ่งพิงในแควนก ตาละไม่ได้เลย และตลอดเวลาที่หญิงนั้นตั้งท้อง ก็ใช้เรื่องจ่ายเป็นงานหุงมน้ำถึง ๑๑ ครั้ง คือไฟไหม้บ้านเสีย ๗ ครั้ง และทั้งบ้านถูกคุณกรมรบขัอ ๔ หน ด้วยสาเหตุต่างๆ นานา การทำงานที่ผ่านมาเคยทำมาค่าขึ้น ก็กลั๋งผิดเคอ จะขายอะไรดีๆ ตอรกุนะรู้สึกเปล่าในที่เกิดเรื่องไม่ดีอยู่เรื่อยๆ จึงประชุมปรึกษาหารือกัน ในที่สุดก็ตกลงกันว่า
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More