ข้อความต้นฉบับในหน้า
คราวนี้ ท่านได้รับนิมนต์ให้ไปนมัสการในบ้านหลังหนึ่ง ท่านจึงบอกให้คนในบ้านนั้นนำอาหารส่วนหนึ่งไปถวายพระโลกลิสสะที่ฉัน แต่เจริญพร ศูนย์ก่อกองไปด้วยมะพร้าว ไปไหน ยกไปให้พระชื่ออะไร คิดเท่าไรก็ไม่อา อเลยจัดการมันเอง
เมื่อพระสุบมรณอยู่ในวังทราบว่ารับโลกลิสสะจะไม่ได้อาหารก็สกัลใจ แต่เมื่อนำเวียนอาหารอยู่ จึงได้ถวายของหวาน ๔ อย่าง คือ เนย เนยข้น น้ำผึ้ง น้ำอ้อย
พระสุบมรณของหวานนั้นไปให้พระโลกลิสสะดังเดิม โดยที่ท่านก็บาตรให้ เพราะเกรงว่าถ้าหานวบนวดหรือให้พระโลกลิสสะถือเอง ของหวานนั้นอาจจะอันตรายไปก็ได้ พระโลกลิสสะจึงได้ด้านของหวานนั้นนั่น
และวันนั้นบรรณปริทานบำ พระสัมพุทธเจ้ามาเพื่อคุ้มเก็บไว้ในเทวะ
หลังจากเสร็จสังฆทานแล้ว พระกุ่งกุ่งหลายได้นำคูณในธรรมสภา ถึงชีวิตของพระโลกลิสสะเภระว่า ท่านอดุฯ อยากฯ มีลาน้อยขนาดนี้ ทำไมจึงบรรจุธรรมนั้นสูงได้
ขณะนั้น พระสัมพุทธองค์เสด็จจากธรรมสภาอันดี
เมื่อทรงทราบว่าพระภิทักษ์ทั้งหลายกำลังสนทนากันถึงเรื่องอะไรแล้วจึงตรัสว่า
"การที่พระโลกลิสสะเภระเป็นผู้มลายก็น้อย เพราะเคยไปขอคลำผู้อื่น แต่ที่สามารถบรรจุรรธรรมได้ ก็เพราะเคยไปอธิษฐานเวียนนามอย่างในอดีตชาตินี้เอง"
ตรัสแล้วก็ทรงนิ่งเสีย พระภิทักษ์ทั้งหลายจึงกราบขอให้พระองค์เล่าเรื่องในอดีตชาตินี้ของพระโลกลิสสะเภระให้ฟัง พระพุทธองค์จะตรัสก็สักชรณ
เล่าให้ฟังว่า
**ขัดลาภพระราหนัตเพราะจิตฉลาดเป็นกรรมหนัก**
ในอดีตกาล สมัยพระกัสสะลังสมสัมภูเจ้า มีพระภิทักษ์รูปหนึ่งเป็นที่นับถือต่อชาวบ้านมากโดยเฉพาะคนดี (ผู้มีฐานะดี) ผู้หนึ่ง ได้วาระการงานเป็นอุปัฏฐาก คือเป็นผู้ดูแลใช้งานด้วยปัจจัย สี่ ได้เรื่องที่อยู่กายนี้ เรื่องจิวเครื่องนุ่งห่ม เรื่องอาหารการกิน ร่วมทั้งดูแลรักษา ยามที่ทำป่วยไข้ด้วย
วันหนึ่ง มีพระราหนับรูปหนึ่งมานับนาทในหมู่บ้านนั้น คณะดูเห็นแล้วมีความเลื่อมใสทรงจริงจินต์บันไดให้พาไปด้วยดวงชมุบ้านที่เป็นอุปัฏฐากอยู่
ครั้นถึงเวลาเย็น คณะดูได้ต้อนเอาไม้และน้ำมันสำหรับเสด็จจองไปที่วัด
เมื่ออยู่กับพระที่เป็นอุปัฏฐากอยู่หนึ่งแล้วก็ถามถึงว่าทีมาไปที่ใด เมื่อทราบว่ายูในเห็นแล้วให้ไปเยี่ยมเยือนฟังธรรมจากท่าน จนกระทั่งค่ำดีดึกก็ได้กลับ ก่อนกลับได้แผ่นตรพระทิ ขร บูชาในโรงไม้วันรุ่งขึ้นพระภิทักษ์เปลือว่าหนีแกล้วเอาใจใส่และพระภิทักษ์ไปหลอมยากกู่สู่ลีลลา ไม่อยากให้พระองค์เดียวกัน จึงคิดทางที่จะพิจารณา.