ข้อความต้นฉบับในหน้า
ปกิณกธรรม
เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ. ๙ / ภาพประกอบ : กองพุทธศิลป์
outrym
ปัญญาบารมี
ความรู้เพื่อการดับทุกข์
“ดูก่อนสุเมธดาบส ท่านพึงบำเพ็ญปัญญาบารมี ภิกษุผู้ถือบิณฑบาตเป็นวัตร เดินบิณฑบาต
ตามลำดับตรอก ไม่เลือกว่าเป็นบ้านเศรษฐีหรือคนยากไร้ ขอเพียงได้อาหารพอยังชีพก็พอ ฉันใด
ตัวท่านจงอ่อนน้อมเข้าหาครูทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนชั้นสูง ชั้นกลาง ชั้นล่าง จึงเข้าไปหาบัณฑิต
ไต่ถามปัญหา จะได้เป็นพระพุทธเจ้า”
ครั้งที่แล้ว ได้กล่าวถึงการบำเพ็ญเนกขัมม
บารมี ฝึกตัวไม่ให้ไปยึดติดในลาภ ยศ สรรเสริญ
ไม่เกาะเกี่ยวในเบญจกามคุณทั้งห้า สลัดให้หลุดจาก
การครองเรือน หันมาทำใจให้เกาะเกี่ยวอยู่ในกระแส
ของพระนิพพานอย่างเดียว ครั้นตรวจตราต่อไปก็
พบว่า อวิชชา คือ ความไม่รู้ ครอบงำสรรพสัตว์
ทำให้ไม่สามารถหลุดพ้นจากภพสามไปได้ ดังนั้น
จะต้องแสวงหาความรู้ ๓ อย่าง คือ สุตมยปัญญา
คือความรู้จากการได้ยินได้ฟังจากครูอาจารย์ผู้มี
ชื่อเสียงต่าง ๆ จินตมยปัญญา ความรู้จากการ
ไตร่ตรองทดลองและพิสูจน์ด้วยตนเอง และ
ภาวนามยปัญญา ความรู้แจ้งอันเกิดจากการทำสมาธิ
อยู่ในขั้นวิปัสสนามีความสว่างภายในนำไปสู่การเห็น
และรู้แจ้งตามความเป็นจริง แล้วทำลายอวิชชาให้
หมดสิ้นไป
แสวงหาปัญญาทางมาสู่ความรู้แจ้ง
บางภพชาติท่านเกิดในยุคสมัยที่จะหาผู้คนรู้
ธรรมสักบทก็ไม่มี แต่รู้ว่าหนุ่มจัณฑาลเป็นคนมี
ปัญญา ก็อ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไปเรียนวิชา ด้วย
ตระหนักว่า “มหาสมุทรซึ่งเป็นที่ไหลมารวมกันของ
น้ำจากทุกสารทิศ จะต้องมีระดับพื้นที่ต่ำกว่าพื้นที่
บริเวณต้นน้ำทั้งหลาย ฉันใด ผู้ที่ต้องการจะรับการ
ถ่ายทอดคุณความดีจากคนอื่น ก็จะต้องมีความ
อ่อนน้อมถ่อมตนก่อน ฉันนั้น” หรือบางชาติแค่
คำว่า เทวธรรมคืออะไร ก็ไม่มีใครรู้ มีเพียงยักษ์ตน
เดียวเท่านั้นที่มีอายุยืน เคยได้ยินได้ฟังมาจากผู้รู้
ในอดีตถ้าอยากรู้ต้องกระโดดเข้าปากให้ยักษ์กินเป็น
ค่าตอบแทน พระโพธิสัตว์ก็ยินยอมโดยไม่เสียดาย
ชีวิต ขอเพียงก่อนตายให้ได้ฟังว่าเทวธรรมคืออะไร
จากนั้นท่านก็ค่อย ๆ สั่งสมปัญญาที่จะนำพาให้