ข้อความต้นฉบับในหน้า
๔๖
หลังจากแสดงธรรมจบลง เมื่อประชาชนเดินทางกลับไปสู่บ้านเรือนของตนแล้ว พระองค์
ก็เสด็จจากธรรมศาลาไปยังโรงสรงน้ำ เพื่อสรงสนานพระวรกายประจำวัน จากนั้น ก็
เสด็จกลับพระคันธกุฎีเพื่อเตรียมเสด็จออกมาประทานโอวาทแก่พระภิกษุในอันดับต่อไป
ๆ
เมื่อถึงเวลาค่ำ หลังจากทรงห่มครองไตรจีวรเรียบร้อยแล้ว พระองค์ก็เสด็จออกจาก
พระคันธกุฎีมาประทับอยู่บนพุทธอาสน์ ที่พระอุปัฏฐากจัดเตรียมไว้บริเวณหน้าพระคันธกุฎี
พระองค์ประทับนิ่งอยู่เพียงลำพัง เพื่อคอยเหล่าพระภิกษุที่เดินทางมาจากที่ต่าง ๆ ทั้งใกล้
และไกล ซึ่งบางรูปบางคณะก็เดินทางมาจากต่างเมืองต่างแคว้น จุดมุ่งหมายของการมา
เข้าเฝ้าของภิกษุแต่ละรูป แต่ละคณะ ก็แตกต่างกันไป เช่น บางรูปก็กราบทูลถามปัญหา
ธรรมะที่คั่งค้างสงสัยอยู่ในใจมานานแรมเดือนแรมปี บางรูปก็กราบทูลขอให้พระองค์
แสดงธรรม บางคณะก็มาขอรับพระกรรมฐานที่เหมาะสมกับจริตอัธยาศัยของตน บางรูป
หรือบางคณะก็กราบทูลขอคำแนะนำในการทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา และบางครั้งก็
เพื่อรับทราบเหตุการณ์ปัจจุบันทันด่วนที่กระทบกระเทือนต่อการคณะสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็น
เรื่องใดพระองค์ก็ทรงให้เวลากับพระภิกษุทุกรูปอย่างเต็มที่ ทรงแสดงธรรมและตอบ
จึงทรงยุติการประทาน
ๆ
ปัญหาข้อซักถามต่าง ตั้งแต่เวลาค่ำจนกระทั่งใกล้เที่ยงคืน
โอวาทแก่พระภิกษุในค่ำวันนั้น
เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน หลังจากพระภิกษุทั้งหลายกราบทูลลากลับไปยังที่พักของตนแล้ว
เหล่าเทวดาทั้งหลายในหมื่นโลกธาตุต่างก็พากันมาชุมนุมเข้าเฝ้าพระองค์โดยพร้อมเพรียงกัน
เพื่อทูลถามปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดความสงสัยขึ้นเองบ้าง หรือได้ยินได้ฟังจึงเกิดความสงสัย
ต่อ ๆ กันมาบ้าง พระองค์ก็ทรงตอบได้ทุกปัญหาที่ค้างคาใจเทวดาจนหมดสิ้นความสงสัย
ทำให้พากันปลาบปลื้มปีติเบิกบานใจ ก่อนจะกราบทูลลากลับไปยังวิมานของตน
หลังจากเหล่าเทวดาทั้งหลายกลับวิมานไปหมดแล้ว ก็เข้าสู่เวลาปัจฉิมยามพอดี
ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง ๔ ชั่วโมง ก็จะถึงเวลาอรุณรุ่งของวันใหม่ พระองค์ก็ทรงบริหาร
เวลาในช่วงปัจฉิมราตรีนี้ออกเป็นสามช่วง (ช่วงละประมาณ ๑ ชั่วโมง ๒๐ นาที) โดย
ในช่วงแรกพระองค์จะเสด็จเดินจงกรม เพื่อผ่อนคลายความปวดเมื่อยในพระวรกายที่เกิด
จากการประทับนั่งติดต่อกันมานานตลอดทั้งวัน หลังจากร่างกายคลายความปวดเมื่อยแล้ว
พระองค์ก็จะเสด็จเข้าสู่พระคันธกุฎีเพื่อบรรทมสีหไสยาสน์ด้วยสติสัมปชัญญะจนสิ้นสุด
เวลาในช่วงที่สองของปัจฉิมยาม จากนั้นในช่วงที่สามซึ่งเป็นเวลาใกล้รุ่ง พระองค์เสด็จลุก
จากบรรทมแล้วก็ทรงเจริญมหากรุณาสมาบัติ เมื่อออกจากมหากรุณาสมาบัติแล้ว ก็ทรง
แผ่ข่ายพระญาณเพื่อตรวจดูเวไนยสัตว์ว่า ผู้ใดควรแก่การเสด็จไปโปรดในวันรุ่งขึ้น เมื่อ
ทรงทอดพระเนตรเห็นบุคคลนั้นด้วยญาณทัศนะแล้ว ก็เป็นอันสิ้นสุดพุทธกิจประจำวันนั้น
ครั้นพอถึงเวลารุ่งสาง ก็เสด็จออกบิณฑบาตและเสด็จไปโปรดเหล่าเวไนยสัตว์ด้วย
น้ำพระทัยมหากรุณา เป็นการบำเพ็ญพุทธกิจของวันใหม่ต่อไป