ข้อความต้นฉบับในหน้า
1.1) การคิดเห็นความพอดี
ความพอดี คือ พอแล้วดี หมายความว่า อย่าคิดว่าพอ ทั้ง ๆ ที่ตามความจริงแล้ว ยังขาดอีก หรืออย่าคิดว่าไม่พอ แต่ที่จริงแล้วมากเกินไป โดยการพิจารณาจาก 2 เรื่องประกอบกัน คือ
(๑) ไม่น้อยเกินไป จนเป็นภาระแต่นเองมากโดยใช่เหตุ
(๒) ไม่มากเกินไป จนเป็นการพอกพูนเกิน เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรม ทำให้ลายเป็นคนเห็นแก่ปากแก่ท้อง และเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สูญสิ้นไปโดยเปล่าประโยชน์
ผู้รู้จักความพอใจการรับไว้ของ 4 หรือการแสดงหาปัจจัย 4 เพื่อบริบทสังเกตชีวิตนั้น จจะสามารถแยกแยะได้ระหว่
(๑) ความจำเป็น คือ ขาดไม่ได้ หากขาดแล้วผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ย่างมาก
(๒) ความต้องการ คือ ถ้าถือได้ ถ้ามีถมิไมต้อง ถ้าไม่ได้แล้วมันก็จะมีความสะดวกขึ้นกว่าเดิม แต่ไม่ได้ม่กังกับเดือดร้อน
(๓) ความอยาก คือ ถึงได้มาหรือไม่ได้มา ก็ไม่ได้กระทบกระเทือน หรืิอเกิดประโยชน์ต่อชีวิตนัก แต่ที่อยากได้ก็เพราะตออยู่ในอำนาจของความอยากอันเป็นกิเลสที่ขัยบั้นอยู่ นอกจากแยกแยะได้แล้ว ยังมีสีคอนควบคุมใจ ไม่ออมให้ตนเองตกเป็นทาสของความอยากอีกด้วย
1.2) การพิจารณาความเหมาะสม
ความเหมาะสม คือ สมควรแก่ฐานะและเพศวะของตนเอง โดยพิจารณาจาก 4 เรื่องประกอบกัน ได้แก่
(๑) ชนิด (๒) คุณภาพ (๓) วิธีการที่ได้มา (๔) วิธีการใช้ (๕) วัตถุประสงค์ในการใช้
การพิจารณาทั้ง 4 เรื่อง จะทำให้เรามีสิทธิ์อันจะนำสิงที่น่าสงใจ ๆ มาบริโภคใช้สอย เพราะบางสิ่งบางอย่างและมีว่าสิงที่ควรนำมาบริโภคใช้สอยได้ แต่ถ้าพิจารณาดูแล้วไม่เหมาะสมกันแน่นะและเพราะวะของตนก็ต้องเฝ้ารำลิ้มสิ่งนั้นเกินจำเป็นสำหรับชีวิตและหน้าที่การงานของตน ดังนั้น การที่ใครจะเเกกอว่าควรจะนำสิ่งใดไปได้ ก็ต้องเริ่มฝึกฝนผลิตจากการอยู่กับสิ่งซึ่งเป็นศัตย์ที่มองไม่เห็นดิวนี้ ด้วยการพิจารณาความรู้ประมาณในการรับปัจจัย 4 ตอบตามจำนงเป็นของชีวิต
2) บทฝึกพิจารณาการใช้ปัจจัย 4 ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของการดำรงชีวิต บทฝึกที่ของการสู้บทศิล เริ่มต้นในขณะนี้ใช้ปัจจัย 4 พระสัมพัทกุจเจทรงสอนให้รู้จักพิจารณาการใช้ปัจจัย 4 ให้ตรงตามวัตถุประสงค์