ข้อความต้นฉบับในหน้า
"สังคมที่บริโภคเพื่อสมองตันหา" ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาหลายอย่างขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น ปัญหานี้ระบบ ปัญหานุกลำลายป่า ปัญหาอาคารรับบัน ปัญหาทำลายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ ปัญหาอาชญากรรมเมือง เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกิดจากความไม่รู้ประมาณในการบริโภคปัจจัย ๙ ทั้งสิ้น ถ้าหากยังบริโภคกันแบบนี้ตลอดไป ก็จะกลายเป็นหนีไม่พ้นการตกเป็น "ทาสดินหา" ไปตลอดชีวิต และเป็นสาเหตุให้ต้องต่ออยู่ในการเวียนว่ายตายเกิดในคุกแห่งวัฏสงสารไปตลอดกาลนาน
๑) บทฝึกพิจารณาความเป็นธาตุู่ของร่างกาย ทำให้แดดเป็นปัจจัย ๑ ๙.บทที่สามของการสังเกต เริ่มต้นที่การเปรียบเทียบสภาพของวัตถุที่เกิดขึ้นก่อนและหลังการใช้ปัจจัย ๕
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้รู้จักพิจารณาความเป็นธาตุู่เบื้องล่างร่างกาย ทำให้แปลเปลี่ยนปัจจัย ๖ ซึ่งจากสภาพก่อนในนั้น ปัจจัย ๕ ยังคงความสะอาดอยู่ แต่เมื่อผ่านการบริโภคไปแล้ว ก็กลายเป็นของสกปรกมลมา เพราะมีตำบลวามปือเน่าของร่างกายแปลเปลี่ยนและเปนเป็นลงไปด้วย โดยทรงให้พิจารณาว่า
"ปัจจัยนั้น ๆ เป็นเพียงธาตุ ๆ เป็นไปตามปัจจัยรูปร่าง คือเป็นองค์ที่สมรวมกันของธาตุ ๔ ในรูปต่าง ๆ กัน ปรุงแต่งให้เป็นปัจจัยแต่ละประเภท บุคคลผู้ใช้งั้น ก็เป็นเพียงธาตุ ๆ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ว่างเปล่าจากความเป็นตัวตน
ปัจจัย คือ จิวร บินทบาท เสนาะะ และคิลานปัจจัยลักษณ์บริหารนี้ เดิมเป็นของสะอาด ครับมากต้องกับร่างกายอันเปี่ยมนี้แล้ว ก็กลายเป็นของน่ารังเกียจทันที" จากพระพุทธพจน์นี้ เมื่อมานิมพิจารณาการใช้ปัจจัย ๆ ในชีวิตประจำวัน ก็จะพบตัวอย่างมากมาย เช่น
เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เดิมเป็นของสะอาด แต่เมื่อมานุ่งก็กลายเป็นของหมิ่นจากเหงื่อไคล เพราะความเป็นธาตุู่เบื้องน้องร่างกาย อาหารและน้ำดื่ม เดิมก็เป็นของสะอาด แต่เมื่อบริโภคลงไปในร่างกาย ก็รับถ่ายออกมาเป็นอุจจาระและปัสสาวะ เพราะความเป็นธาตุๆเบื้องน้องร่างกาย ผ้าห่ม ที่นอน หมอน มุ้ง เดิมก็เป็นของสะอาด แต่เมื่อถูกร่างกายเกลือกกลิ้ง ก็กลายเป็นของหมิ่นด้วยเล่ห์ไคล เพราะความเป็นธาตุๆเบื้องน้องร่างกาย ยารักษาโรค เดิมก็เป็นของสะอาด แต่เมื่อบริโภคเข้าไป ก็สมกับน้ำเลือดนองในร่างกาย ครับขับถ่ายออกมากับปัสสาวะและเหงื่อไคล ก็กลายเป็นของสกปรก เพราะความเป็นธาตุู่เบื้องน้องร่างกาย การฝึกพิจารณาความเป็นธาตุูเบื้องร่างกายอยู่เป็นประจำนี้ จะทำให้ใจลดถือในตัว