ข้อความต้นฉบับในหน้า
A
ทานย่อมมีผลไพบูลย์ จะส่งผลใหญ่นับประมาณมิได้
เพราะฉะนั้น ผู้ปรารถนาบุญควรให้ทานในบุญเขต
ที่มีผลมาก บุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์
ทั้งหลายในปรโลก”
คนเฝ้าไร่ฟังสัมโมทนียกถาจากพระเถระแล้ว
ก็เกิดมหาปีติในบุญที่ได้ต้อนรับพระอาคันตุกะ เขา
ได้ถวายอ้อยแด่พระเถระทั้ง ๓ รูป ที่กำลังจะออก
เดินทาง ซึ่งอ้อยที่เขาถวายไปนั้นเป็นอ้อยของเขาเอง
เขาได้เดินไปส่งพระเถระ แล้วกลับมาเฝ้าไร่อ้อยด้วย
ความปลื้มปีติในบุญ
ขณะเดียวกัน พราหมณ์ผู้เป็นมิจฉาทิฐิซึ่งเป็น
เจ้าของไร่อ้อย กำลังเดินทางไปไร่ ได้เห็นอ้อยในมือ
ของพระเถระทั้ง ๓ รูป ที่เดินสวนทางมา จึงถามว่า
“พวกท่านได้อ้อยมาจากไหน” เมื่อรู้ว่าคนเฝ้าไร่เป็น
ผู้ถวายมาก็โกรธมาก เพราะพราหมณ์คิดว่าคนเฝ้าไร่
ขโมยอ้อยในไร่ไปถวายพระเถระจึงรีบเดินไปที่ไร่อ้อย
พอไปถึงก็ไม่ได้ซักถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น คว้าท่อนไม้
ได้ก็เดินไปทางด้านหลังของคนเฝ้าไร่ แล้วฟาด
ท่อนไม้ลงบนศีรษะเขาอย่างแรง ทำให้คนเฝ้าไร่
เสียชีวิตทันที ในขณะที่เขากำลังนั่งระลึกนึกถึงบุญ
อยู่ แม้ตายแล้วก็มีสติรู้ว่าตัวเองตาย ไม่ได้รู้สึก
โกรธแค้นเจ้าของไร่เลย ในใจนึกถึงแต่บุญเพียง
อย่างเดียว ทำให้เขาไปบังเกิดในสุธรรมาเทวสภา มี
ช้างพลายทิพย์เป็นยานพาหนะ ซึ่งบังเกิดขึ้นด้วย
บุญญานุภาพของเขา
ฝ่ายพ่อแม่และหมู่ญาติของคนเฝ้าไร่ ได้ข่าว
การตายของเขาก็เสียใจ ร้องไห้ฟูมฟายด้วยความ
สงสาร เย็นวันนั้น เพื่อนบ้านได้พากันไปมุงดูศพ แล้ว
ช่วยกันหามไปทำฌาปนกิจในป่าช้า ขณะนั้นเทพบุตร
ใหม่ได้ขี่ช้างทิพย์แวดล้อมด้วยเทพผู้ชำนาญในการ
บรรเลงดนตรีลงมาจากเทวโลกพร้อมด้วยบริวาร
จำนวนมากด้วยเทพฤทธิ์ยิ่งใหญ่ ปรากฏกายใน
อากาศให้ประชุมชนนั้นเห็นเป็นบุญตา
ชาวบ้านเห็นแล้วก็ตื่นเต้นดีใจ ต่างชี้ชวนกันดู