ข้อความต้นฉบับในหน้า
กันว่าจะอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา
และตัดสินใจสร้างฐานะครอบครัวร่วมกัน
เมื่อมนุษย์ ๒ คน ที่ยังไม่หมดกิเลสมาอยู่ด้วยกัน ก็ต้องปรับตัวเข้าหากัน เพราะ
เท่ากับเป็นการนำทั้งส่วนดีและส่วนเลวของแต่ละคนเข้ามารวมอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน
ถ้า ๒ คนหันด้านดีเข้าหากัน ความสัมพันธ์ก็ราบรื่น
แต่ถ้า ๒ คนนั้นหันด้านร้ายเข้าหากัน การกระทบกระทั่งก็รุนแรง
ครั้นต่อมาเมื่อทั้งสองมีลูก ไม่ว่าจะกี่คนก็ตาม หน้าที่ใหม่นอกเหนือจากหน้าที่สามี
ภรรยาก็เพิ่มขึ้นมา นั่นคือ หน้าที่พ่อแม่
ลูกที่เกิดมาใหม่ก็บังคับให้พ่อแม่ต้องทำงานหนักมากขึ้นเพื่อเลี้ยงดู ยิ่งลูกมากเท่าไร
ภาระการเลี้ยงดูลูกของพ่อแม่ก็ท่วมท้นมากขึ้นเท่านั้น
แต่เนื่องจากกิเลสเป็นโรคร้ายที่ฝังอยู่ในใจของมนุษย์ทุกคนมาตั้งแต่แรกเกิด แม้
ลูกที่เกิดมาใหม่เพียงวันเดียว ก็มีกิเลสฝังอยู่ในตัวเช่นกัน
แรกเกิด
ไม่มีใครรู้ว่ากิเลสมาอยู่ในตัวได้อย่างไร แต่มันฝังอยู่ในใจของมนุษย์ทุกคนตั้งแต่
ลูกของเรา แม้เกิดขึ้นมาวันแรก ก็มีกิเลสฝังอยู่ในตัวเช่นเดียวกัน
การที่ลูกจะเติบโตมาเป็นคนดีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับนิสัยที่พ่อแม่ถ่ายทอดจากการ
เลี้ยงดูให้แก่เขา โดยมีข้าวแต่ละคำ น้ำแต่ละอีก นมแต่ละอิ่ม เป็นอุปกรณ์การถ่ายทอด
นิสัยอย่างถูกวิธี
ถ้าเลี้ยงดูลูกถูกวิธี กิเลสก็จะถูกกำจัดออกไปมาก นิสัยดี ๆ ก็เกิดขึ้นในตัวคน ๆ นั้น
มาก พอเขาเติบโตขึ้นมาโลกก็ไม่เดือดร้อนวุ่นวายจากความเป็นอยู่ของเขา
แต่ถ้าเลี้ยงดูลูกผิดวิธี กิเลสก็งอกเงยขึ้นมามาก นิสัยที่ไม่ดีก็เกิดขึ้นในตัวคน ๆ นั้นมาก
พอเขาโตขึ้นมาโลกย่อมลุกเป็นไฟจากความเป็นอยู่ของเขา
ปัญหาครอบครัวที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ และไม่มีทีท่าจะลดลงได้ง่าย ๆ ก็มีสาเหตุมาจาก
พ่อแม่เลี้ยงลูกอย่างไม่รู้จักควบคุมกิเลสของลูก และสามีภรรยาอยู่ร่วมกันอย่างไม่รู้จัก
ควบคุมกิเลสกันและกัน
การจะสร้างครอบครัวอบอุ่นได้ จึงต้องมีหลักการฝึกฝนอบรมตนเอง เพื่อกำจัด
และควบคุมกิเลสอยู่ ๓ ประการ คือ
๑) ควบคุมกิเลสในตัวไม่ให้แพร่เชื้อร้าย หรือนิสัยไม่ดีออกไปติดต่อคนอื่น
๒) นำความรู้ ความสามารถ และความดีที่ตนเองมีอยู่มาถ่ายทอดให้ผู้อื่น
๓) ซึมซับความดีที่ผู้อื่นมี นำมาฝึกฝน และพัฒนาเพิ่มพูนนิสัยดี ๆ ให้ตัวเอง