ข้อความต้นฉบับในหน้า
๗๖
ว มม เล่ม
เรื่อง : โค้ก อลงกรณ์ (www.banyaibook.com)
รอยยิ้มที่โค้งสุดท้าย
รถแข่ง ๒ คันแล่นผ่านอากาศหนาวเย็นด้วยความเร็วสูง ฝีมือคนขับสูสีพอกัน ทั้งคู่ผลัดกันนำ
ผลัดกันแซงตลอดเส้นทางที่คดเคี้ยว
เมื่อเข้าสู่ช่วงสุดท้ายก่อนถึงเส้นชัย แชมป์เก่าที่ขับนำอยู่หวังที่จะครองแชมป์อีกสมัย อาศัย
ความได้เปรียบขับกันไว้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายขึ้นแซง
นี่คือเรื่องราวของภาพยนตร์ที่ผมเคยดูนานมากแล้ว แต่ยังพอจำได้เพราะผมชอบเหตุการณ์
ช่วงนี้มาก พยายามเอาใจช่วยพระเอกของเรื่องซึ่งตกเป็นรองขับไล่ตามหลัง เรื่องราวชวนให้
ติดตามว่าเขาจะตัดสินใจแซงขึ้นหน้าหรือไม่....อย่างไร ในเมื่อเหลือระยะทางแค่โค้งสุดท้ายเพียง
โค้งเดียว ซึ่งโค้งนี้เป็นโค้งปราบเซียน นักขับที่คิดแซงโค้งนี้ไม่เคยมีใครทำสำเร็จเลยสักคน จนไม่มี
นักแข่งคนไหนกล้าวัดใจแซงที่โค้งสุดท้ายนี้
ผมมีโอกาสติดตามหลวงพ่อเข้าเยี่ยมนักสร้างบารมีที่ป่วยหนัก ท่านนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย มีสาย
น้ำเกลือและอุปกรณ์การแพทย์ระโยงระยาง
ทันทีที่ท่านเห็นหลวงพ่อ ใบหน้าของท่านก็มีรอยยิ้มปรากฏออกมา
หลวงพ่อพูดคุยและให้นึกถึงบุญต่าง ๆ ที่ได้ร่วมสร้างบารมีมากับหลวงพ่อ ตั้งแต่เริ่มบุกเบิก
สร้างวัดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อได้ยินได้ฟังการทุ่มเทตั้งใจสร้างบารมีมาตลอดไม่ได้หยุดเลยของท่านแล้วผมก็พลอยปลื้ม
ปีติใจไปด้วย
ส่วนท่านเมื่อได้นึกทบทวนบุญที่ได้ทำมา ใจก็ชุ่มชื่น ท่านยิ้มออกมาทั้งใบหน้าและแววตา
แม้ผมเองที่แข็งแรงกว่าท่านก็ยังยิ้มสวยสู้ท่านไม่ได้
นี่คือ ยิ้มที่งดงามและน่าภูมิใจที่สุดของชีวิต
ไม่ว่าใครก็ตามที่สร้างบารมีหมั่นสั่งสมบุญกุศลมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเดินทางมาถึงช่วงโค้ง
สุดท้ายของชีวิตเช่นท่าน ใบหน้าก็จะมีรอยยิ้มที่สง่างามและยิ่งใหญ่แบบนี้เช่นกัน
ถ้าเปรียบการสร้างบารมีเหมือนกับการหายใจที่ต้องหมั่นทำอย่างต่อเนื่องไม่หยุด หยุดหายใจ
เมื่อใดชีวิตก็อยู่ไม่ได้ การสร้างบารมีก็เช่นเดียวกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสั่งสมเอาบุญกุศลติดตัว
ชีวิตจะได้มีพลังขับเคลื่อนสู่ความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น ๆ
oytryn