ข้อความต้นฉบับในหน้า
กิจในมัชฌิมยาม คือ กิจในเวลาเที่ยงคืน จากพุทธกิจ ๕ ประการข้างต้นนี้ จะเห็นได้ว่า
ทรงวิสัชนาปัญหากับเทวดาในหมื่นโลกธาตุ ที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นทรงรักการทำหน้าที่
ได้พากันมาเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า และทูลถาม กัลยาณมิตรเป็นอย่างยิ่ง จึงทรงทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่
ปัญหาที่ได้เตรียมมา ซึ่งไม่ว่าปัญหาเหล่านั้นจะยาก ไปกับการทำหน้าที่บรมครูของมนุษย์และเทวา จน
หรือง่ายเพียงไร พระพุทธองค์ก็ทรงตอบปัญหาของ เหลือเวลาส่วนพระองค์เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
เทวดาเหล่านั้น จนกระทั่งสิ้นสุดเวลาในมัชฌิมยาม โดยไม่ทรงเห็นแก่ความเหนื่อยยากแต่อย่างใด
กิจในปัจฉิมยาม คือ กิจในเวลาใกล้รุ่ง
เนื่องจากทรงตระหนักดีว่า กว่าที่พระองค์จะได้มา
ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องใช้เวลาในการ
มี ระยะ คือ ระยะแรก พระพุทธองค์เสด็จ สร้างบารมีมายาวนานถึง ๒๐ อสงไขยแสนมหากัป
จงกรม เพื่อทรงเปลื้องความล้าแห่งพุทธสรีระ แต่ทว่าเมื่อได้ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ระยะที่ ๒ ทรงสำเร็จสีหไสยา โดยพระปรัศว์เบื้อง ในพระชาติสุดท้ายนี้ กลับมีเวลาที่ใช้ในการโปรด
ขวา และระยะที่ ๓ เสด็จลุกขึ้นประทับนั่ง ทรงแผ่ เวไนยสัตว์เพียงแค่ ๔๕ ปี เท่านั้น ด้วยเหตุนี้
ข่ายพระญาณตรวจดูสัตว์โลก เพื่อพิจารณาบุคคลที่ พระพุทธองค์จึงทรงทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปในการ
ได้สั่งสมบุญมาอย่างดีแล้วในสำนักของพระพุทธเจ้า ทำหน้าที่กัลยาณมิตรอบรมสั่งสอนพุทธสาวก
องค์ก่อนๆ เพื่อเสด็จไปโปรดชนเหล่านั้นเพื่อให้ได้ ตลอดจนเทศน์โปรดเหล่ามนุษย์และเทวดาให้มาก
มนุษย์สมบัติ ทิพย์สมบัติ และนิพพานสมบัติ ตาม ที่สุดเท่าที่จะทรงกระทำได้ ตราบกระทั่งวันเสด็จดับ
กำลังบุญบารมีของแต่ละบุคคล
ขันธปรินิพพาน