ข้อความต้นฉบับในหน้า
66
ผมสามารถวางใจเข้าไปในบ้านที่แท้จริง ภายในศูนย์กลางกายได้อย่างง่ายๆ
ลองคิดดูสิ ในยามค่ำคืน ภาพที่อยู่ตรงหน้าผม คือ หมู่ดาวดารดาษ มากมายบนท้องฟ้า
และในความมืดอันสงบนิ่ง แม้ว่าผมยังต้องสาละวนกับปุ่มและมอนิเตอร์มากมาย
บนแผงบังคับเครื่องบิน แต่ผมก็รู้สึกมีความสุขดื่มฉ่ำเป็นอย่างยิ่งกับบรรยากาศ
ภายนอกเช่นนั้น ในยามฟ้าสว่าง ผมได้เห็นขอบฟ้าและเมฆสีสวยสะท้อนตามแสงตะวัน
โอ้...ผมสามารถน้อมใจเข้ามาที่ศูนย์กลางกายและหย่อนใจอย่างเบาๆ ได้อย่างง่ายๆ
วันหนึ่งขณะที่ผมขับเครื่องบินจะลงจอดที่
สนามบินในประเทศไทย ผมก็ได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์
ที่สุดตั้งแต่ชีวิตผมเกิดมา นั่นคือ สิ่งก่อสร้างอันใหญ่
โตสง่างาม สีทอง ทรงกลม แลเห็นเด่นชัดจาก
เครื่องบิน เป็นภาพที่สะดุดตาและมีพลังดึงดูดใจ
ผมมีความรู้สึกว่า สถานที่แห่งนี้ได้กวักมือเรียกผม
อยู่ตลอดเวลา จากนั้น ผมก็พยายามเสาะแสวงหา
ว่าสถานที่แห่งนี้คืออะไร และผมจะมาถึงได้อย่างไร
โชคดีที่ผมได้พบกัลยาณมิตรท่านหนึ่งได้แนะนำจน
สามารถเดินทางมาถึงวัดพระธรรมกาย และได้พบ
คุณลุงผู้ใจดี ผู้ให้การต้อนรับและดูแลผมอย่างดี
นั่นคือ กัลฯ อังเคิลหาญ หรือคุณลุงไชยชิต ศิริบุญ
ซึ่งเป็นอาสาสมัครอยู่ที่สำนักต่างประเทศ และ
พระอาจารย์ที่แนะนำการนั่งสมาธิให้หลังจากวันนั้น
ผมได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดแทบทุกครั้งที่มีตารางบิน
มาประเทศไทย ผมมาวัดพระธรรมกายได้ปีกว่าแล้ว
แต่เดิมผมเป็นศาสนิกในความเชื่ออื่น แต่ตอนนี้
ผมเป็นพุทธศาสนิกชนแล้วครับ”
มีผู้คนอีกหลายล้านคนที่นั่งเครื่องบินผ่าน
มหาธรรมกายเจดีย์ แต่อาจจะยังไม่เคยได้สังเกต
เลยว่า ใต้ฟ้าสีน้ำเงิน ณ แผ่นดินโลกเบื้องล่างนี้
มีสิ่งมหัศจรรย์ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตสู่สันติสุข
รอพวกเขาอยู่ ดังเช่น กัปตันโยนัส ได้มองเห็นแล้ว
ด้วยตัวของเขาเอง
"ถ้าถามว่า ทำไมเมื่อเห็นมหาธรรมกายเจดีย์
แล้ว ทำให้ผมถึงกับดั้นด้นหาทางมาวัด ผมก็คงจะ
"
ตอบได้ว่าเป็นลิขิตจากฟ้า เป็นโชคชะตาชีวิตที่ถูก
กำหนดมาแล้ว ผมคิดว่า ทุกคนในโลกต่างแสวงหา
ความสุขและมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะได้รู้จักวิธีเข้า
ถึงความสุขนั้น สภาพสังคมที่อยู่นอกวัดมีแต่การต่อสู้
แก่งแย่ง แต่เมื่อได้มาเรียนรู้และฝึกสมาธิ โดยวางใจ
เข้ามาในตัว ผมได้พบตัวตนที่เป็นตัวของตัวเอง
อย่างแท้จริงและพบแสงสว่างภายในครับ..
หลังจากปฏิบัติธรรม มีหลายอย่างในชีวิตที่
เปลี่ยนไปในทางที่ดี ผมรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านที่มี
ความหมายของบ้านอย่างแท้จริง ไม่ใช่ปราสาท
ราชวังหรือคอนโดมิเนียม แต่เป็นที่ที่เราได้พักใจ ณ
ศูนย์กลางกายของเรานั่นเอง การเปลี่ยนแปลงที่
เด่นชัดในชีวิตผมก็คือ เรื่องของครอบครัว ก่อนที่จะ
มาปฏิบัติธรรม ผมและภรรยามีช่องว่างระหว่างกัน
และดูเหมือนจะค่อยๆ กว้างและห่างออกไปทุกที
เรามีลูกด้วยกัน ๓ คน เมื่อผมได้พาครอบครัวมา
วัดพระธรรมกาย ลูกชายคนกลางของผม เขาเข้าใจ
เรื่องการนั่งสมาธิและสามารถนำใจของเขาเข้าไปที่
ศูนย์กลางกายได้ แม้จะยุกยิกตามประสาเด็กบ้าง
ก็ตาม ผมสัมผัสได้ว่าครอบครัวของผมได้กลับมาเป็น
อันหนึ่งอันเดียวกัน จากช่องว่างที่ห่างไกลกลายเป็น
ความชิดใกล้ที่เบิกบาน ผมและภรรยาได้กลับมา
เข้าใกล้กันเหมือนเดิมแล้วครับ..
ทุกวันนี้ ผมนั่งสมาธิวันละ ๓๐ นาที แม้ใน
ขณะที่ทำงานขับเครื่องบิน มันเป็นความรู้สึกที่
งดงามมาก ผมสามารถวางใจเข้าไปในบ้านที่แท้จริง