ข้อความต้นฉบับในหน้า
ในสถาบันการศึกษาขั้นนำ เพื่อให้นักวิชาการด้านพุทธศาสตราจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วโลก มาร่วมตัวและแลกเปลี่ยนข้อมูลผลงานวิจัยใหม่ ๆ ระหว่างกัน โดยเป็นมณฑลสมาคมได้การจัดการประชุมใหญ่ครั้งที่ ๑๘ ขึ้น ณ มหาวิทยาลัยโทรอนโต ประเทศแคนาดา ซึ่งมีนักวิชาการร่วมประชุมเกือบพันคน โดยมี ๑๓ วงประชุม (Panels) และอีก ๑๖ กลุ่มย่อย (Sections) ภาพรวมในการจัดประชุมครั้งนี้อาจมีการจัดประชุมครอบคลุมหัวข้อสำคัญในนิยาต่าง ๆ ครบทั้ง ๓ นิยาย คือ เทวมหายาน มหายาน และวิทยารามีทั้งงานวิจัยด้านพระสูตร พระวินัย พระอภิธรรม ปรัชญาเหตุวัววรรณกรรมพุทธศาสนา คติมีริพุทธศาสนา คติมีริและจาริกโบราณ และอื่น ๆ อีกมากมาย
หนึ่งในงานวิจัยที่น่าสนใจซึ่งได้นำเสนอคืองานวิจัยของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อีริค กรีน (Eric Greene) แห่งมหาวิทยาลัยเยล ดร. อีริคจบการศึกษา ปฏิญาณเอก สาขาพุทธศาสตร จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เนิร์กลีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์พุทธศาสนาจีนยุคต้น หนึ่งในงานวิจัยสำคัญอธิบายรูปแบบสมมติของจีนยุคต้นก่อนเกิดนิยายฉาบ (禪) จากงานวิจัยของ ดร.อีริคพูดว่า มีมภิริจีนยุคต้นราว พ.ศ. ๑๐๐๐ ที่บันทึก รูปแบบการสอนสมมติที่มีความพิเศษเฉพาะตัว จากการตรวจสอบของนักวิจัยดีรี พบว่า วิธีทำสมมติ ดร. อีริคกล่าวถึงนี้ มีส่วนคล้ายคลึงกับวิธีปฏิบัติโบราณที่พระมงคลทพมุนี สอนไว้ เช่น ครูสมาจิสะสอนลูกศิษย์ให้รวมใจไว้ในกลางนาวี เมื่อศิษย์ทำตามคำแนะนำของอาจารย์แล้ว เกิดประสบการณ์เห็นนิมิตดวงสว่าง เมื่อดูดวงสว่างไปเรื่อย ๆ ก็จะเกิดองค์พระผุดชึ้นเป็นนั่น ๆ ออกจากกลางนาวีของผู้ปฏิบัติ หรือการกำหนดนิมิตแบบอุณากวานา เมื่อผู้ปฏิบัติใจสงบเต็มแล้ว กระดูกนิมิตจะแปรภาพเป็นนิมิตกระดูกใสเป็นแก้วนอกจากนั้นเทคนิคการทำสมาธิแบบพุทธานุสรณ์ยังสามารถแบ่งแยกออกได้ในหลายลักษณะ เช่น การนิมิตเป็นพระรูปเป พระรูปปกติธรรมดา เป็นต้น
บรรยายกาศภายในหอสมุดมหาวิทยาลัยเยล (credit : bdcnetwork.com)