ข้อความต้นฉบับในหน้า
เมื่อพระราชบรรจบแล้วก็ตั้งใจฝึกตน
อยู่ในอวทานของพระอุปัชฌาย์ เมื่อได้รับความ
สะดวกสบายในเรื่องปัจจัย ๔ แล้ว การเรียน
กรรมฐานก็มีความก้าวหน้า ปฏิบัติธรรมตามคำสอน
ของพระอัสสชิมรออยู่ ๒-๓ วัน ก็รอรอรุดผล
๒.๒ เคารพพระอัสสชิมรอเป็นอาจารย์อย่างมาก
นับจากวันที่พระอัสสชิมรอได้พบกับพระ-
อัสสชิมก็ได้ฟังธรรมของพระบรมศาสตาจาก
พระอัสสชิมรอเป็นครั้งแรกจนบรรลุผลในวันนั้น
ท่านก็ตรึกถึงพระคุณของพระอัสสชิมรอในฐานะอาจารย์ทุกวันว่า
"เราเป็นปุถุชนจากถิ่น ปราศจากความมานะ
เพราะได้เห็นพระอัสสชิมรอเนืองๆ ท่านพระสา
นามว่าอัสสชิมรอเป็นอาจารย์ของเรา เป็น
นักปราชญ์ เราเป็นสาวกของท่าน"5
ทั้งนี้เพราะท่านตระหนักว่า หากท่านไม่ได้พบพระอัสสชิมรวันั้น ท่านก็จะหลงผิดไปใน
ลัทธิอื่นต่อไป ไม่มีโอกาสได้ฟังคำสอนของ
พระบรมศาสตาจเป็นครั้งแรก ไม่ได้พบปาฏิ
ธรรมที่ตามหามานานหลายสิบปี(แต่ไม่พบ)
ไม่ได้พบกับพระบรมศาสตาและไม่ได้รับ
การบวชแบบอทิทูปกุญจบุตรา ไม่มีโอกาสได้
พิจารณาจบรรจุรทผล ไม่ได้บรรดรแต่งตั้งเป็นพระอัสสชิมราว่าบ้องว่าว.84
ในครั้งนั้น พระอัสสชิมรอแนะนำลูกกรมฐานแก่พระอุปัชฌาย์ใหมอใหม่ ผู้เป็นอุราราชของ
ช่างทองซึ่งเป็นตะกูลอุปุราณของท่าน เพราะ
เห็นว่าการพิจารณาความไม่งามของร่างกาย
และจักรกศภมะแก่คนหนุ่ม อันจะทำให้จิต
ไม่ฟุ้งซ่านในราคา แต่แม้กฎหนุ่มรูปนี้จะ
พยายามใส่ใจในอุตมารามอย่างเคร่งครัด
จนกลายว่าน่าไป ๒ เดือน ก็ยังไม่สามารถบรรจุ
คุณวิเศษ ๓ ได้ ซึ่งผิดแผกไปจากกฎุหนุ่ม
รูปปีน ๆ ที่เคยสอนมา