ข้อความต้นฉบับในหน้า
濤ว่า“ฉธ”, ซึ่งนิในที่พระพุทธศาสนานอกจาก
43
The Term Laddhi in Theravāda Buddhist Scriptures
ที่กระทำตามความเห็นหรือคำสั่งสอนในความเชื่อต่อเนื่องนั้น" และ "ลักษณะ" หมายถึง คิดความเชื่อถือ ความคิดเห็น และหลักการ ที่มีผุ้นิยมมันถือและ
ปฏิบัติตามสินเนื่องกันมา เช่น ลักษณสงคณียม ลักษิษาดินียม3
นอกจากนั้น การให้ฌานะแนวเป็นรูปธรรมว่าอะไรเป็นศาสนาและอะไรเป็นลักษณะ ยังมีดีที่ไม่ลงกัน จนกระทั่งในการประชุมคณะกรรมการ
ผูวิจัยศาสนาและความเชื่อตามโครงการวิจัยพื้นฐานจิตใจของประชาชน
ชาวไทย สาขาวิชาปรัชญา สาขาวิชาแห่งชาติ พ.ศ. 2506 ได้มีการตกลง
กำหนดโครงสร้างหรือองค์ประกอบของศาสนาไว้ 5 ประการ ซึ่งพอจะเป็น
แนวทางในการพิจารณาได้ดังนี้
1. มีศาสดา คือ ผุประกาศศาสนาซึ่งเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์
2. มีหลักคำสอน ที่มีการระชัดเจนเรื่องศีลธรรมวงจร และการปฏิบัติ
3. มีหลักความเชื่อเป็นปฏิภาค เช่น นิพพาน ปรมมณี พระเจ้า
4. มีพิธีกรรม คือ พิธีปฏิบัติ เพื่อให้เข้าสู่หลักการของศาสนา
5. มีสถานทางศาสนา หมายถึง ศาสนสถาน4
แม้กระนั้นในบางกรณี เช่น "พรหมณ-สินูด" และจะไม่ปรากฏตัว
ของศาสดา หรือ "งจือ" แม้จะขาดความเชื่อเป็นปฏิภาค ซึ่งอาจจะ
เป็นได้เพียง "ลักษิ" ตามแนวทางในการพิจารณาข้างต้น แต่เราจ
พบเห็นการเรียกขาน "พรหมณ-สินูด" หรือ "งจือ" ว่าเป็น "ศาสนา"
มากกว่า "ลักษิ" หรือครั้งหนึ่งในอดี ตคำว่า "ลักษิ" ยังคงใช้เรียก "เรวาท"
และ "มหายาน" ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า "นิยาย" แทน ทั้งนี้
อาจเป็นเพราะเป็นคำที่ให้เกียรติกับผู้ นับถือ รวมถึงคนคดีที่ค่อนข้าง
2 พระบัญญัติศาสนา (2556: 1142)
3 เรื่องเดียวกัน (2556: 1049)
4 ภัททพฺ บรรณฑิการ (2546: 4-5)