คุณของพระพุทธเจ้าและจักษุ 5 ประการ วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2549 หน้า 27
หน้าที่ 27 / 84

สรุปเนื้อหา

บทความนี้สำรวจคุณสมบัติของพระพุทธเจ้าผ่านจักษุฝ่ายต่างๆ ซึ่งประกอบด้วยมังสจักษุ ทิพยจักษุ สมันตจักษุ ปัญญาจักษุ และธัมมจักษุ โดยเฉพาะในวันมาฆบูชาที่ใกล้เข้ามา ผู้เขียนตั้งใจที่จะนำเสนอมุมมองเกี่ยวกับการเห็นที่มีอภิญญาของพระพุทธเจ้า ซึ่งสามารถมองเห็นได้ทั้งในระดับมนุษย์และทิพย์ ทั้งยังสามารถรู้เห็นจุติและอุบัติของสัตว์ได้อย่างชัดเจน พระพุทธเจ้ามีคุณสมบัติที่สามารถเห็นได้ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต สื่อถึงความสมบูรณ์แบบและความรู้แจ้งในทุกด้าน.

หัวข้อประเด็น

-พระพุทธเจ้า
-จักษุ 5 ประการ
-วันมาฆบูชา
-คุณธรรมของพระพุทธเจ้า
-อภิญญาและการเห็น

ข้อความต้นฉบับในหน้า

โมกข์นี้มาอย่างเคร่งครัดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน หากจะถามว่า พระพุทธเจ้ายิ่งใหญ่อย่างไร บ้าง? อาจเป็นคำถามง่ายๆ สำหรับชาวพุทธ เพราะเราทุกคนก็คงตระหนักกันดีอยู่แล้ว และ พรรณนาอย่างไรก็คงไม่หมด แม้พระพุทธเจ้าด้วยกัน จะพรรณนาคุณของพระพุทธเจ้า กาลเวลาผ่านไป หนึ่งกับก็ยังพรรณนาไม่หมด อย่างไรก็ตาม เนื่อง ในวาระวันมาฆบูชาที่จะถึงนี้ ผู้เขียนน้อมนำเสนอ สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงมียิ่งกว่าเราในเรื่องของ “จักษุ ว่า พระพุทธองค์ทรงมีดวงตาที่ประเภท ตามปกติเราก็ได้สวดสรรเสริญพุทธคุณว่า ....พร้อมเบญจพิธจักษุจรัสวิมลใส เห็นเหตุที่ใกล้ไกล บ่มีหม่นหมองมัว.... เบญจพิธจักษุ หมายถึง จักษุ ๕ ประการ ได้แก่ มังสจักษุ ทิพยจักษุ สมันตจักษุ ปัญญาจักษุ ธัมมจักษุ พระพุทธเจ้าได้ชื่อว่า เป็นโลกวิทู คือ รู้แจ้ง ทั้งนิพพาน ภพสาม โลกันตร์ แสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล ทรงแทงตลอดหมด เพราะ พระองค์ทรงมีการเห็นที่วิเศษ ตั้งแต่ มังสจักษุ ขน พระเนตรของพระองค์เขียวสนิทเหมือนดอกผักตบ ตรงส่วนไหนที่มีสีเหลือง ก็เหลืองนวลเหมือนทองคำ สวยงามเหมือนดอกกรรณิการ์ เบ้าพระเนตรทั้ง สองมีสีแดงงามเหมือนสีปีกแมลงทับ ตรงกลาง พระเนตรมีสีดำงามไม่หมองมัว แต่สนิทดีเหมือนสี สมอดำ ตรงไหนขาวก็จะขาวงามเปล่งปลั่ง ขาว นวลเหมือนสีดาวประกายพรึก ลำพังมังสจักษุ แม้จะมีความมืดประกอบ ด้วยองค์ ๔ คือ พระอาทิตย์อัสดงคตไป วัน อุโบสถมีในกาฬปักษ์คือเป็นคืน เดือนมืด แนวป่าทึบ และในคราว อกาลเมฆใหญ่ตั้งขึ้น ถึงอย่างนั้น พระพุทธองค์ก็ทรงเห็นตลอด ๑ โยชน์โดยรอบ พระองค์ทรงเห็น ได้ขนาดที่ว่า หากมีคนเอาเมล็ด งาเมล็ดหนึ่งทำเป็นเครื่องหมายใส่ ลงในเกวียนที่บรรทุกงา พระพุทธองค์ก็สามารถ มองเห็นเมล็ดงาที่ทำเครื่องหมายนั้นได้ด้วยพระ มังสจักษุ นี่เป็นเพราะว่าพระพุทธองค์ได้สั่งสมบุญ ที่เกี่ยวกับดวงตา เช่น การถวายประทีปโคมไฟ เพื่อบูชาพระรัตนตรัย เป็นต้น ส่วนการเห็นด้วยทิพยจักษุของพระพุทธเจ้า หมายถึงได้จุตูปปาตญาณทรงรู้เห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุบัติ เห็นหมู่สัตว์ที่เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณงาม ได้ดี ตกยาก ทรงรู้ว่าสัตว์เหล่านี้ ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโน ทุจริต เป็นมิจฉาทิฏฐิ เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ส่วนสัตว์เหล่านี้เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลก สวรรค์ ทรงทอดพระเนตร ๑ โลก ธาตุ ๑๐ โลกธาตุ ๑,000 โลกธาตุ หรือแม้มีพระประสงค์จะทอด พระเนตรเท่าใด ก็ทรงเห็นได้ตาม พระประสงค์ พระพุทธองค์ทรงมี สมันตจักษุ เห็นได้รอบด้านเหมือนพวก พรหม เห็นทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ๒๕
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More