ข้อความต้นฉบับในหน้า
เมื่อได้นำทรัพย์ไปให้ทานแล้ว แต่ก็ยังมีผู้ที่มา
ขอทานเป็นจำนวนมาก เมื่อถูกรบเร้าบ่อยๆ ท่านเกิด
สงสารพวกขอทาน จึงให้ทรัพย์ไปหมดโดยไม่รู้สึก
เสียดายเลย วันนั้นสองสามีภรรยาเลยต้องอดอาหาร
และเป็นอย่างนี้ถึง
วัน จึงมีร่างกายซูบผอม ใน
วันที่ ๙ เนื่องจากร่างกายขาดอาหารมานานวัน จู่ๆ
ก็รู้สึกวิงเวียน ตาพร่ามัวเพราะถูกแดดแผดเผา จึง
เป็นลมล้มลงสลบไป
ท้าวสักกะผู้เห็นผิดเป็นชอบมาปรากฏร่างให้
เห็น และได้ตักเตือนว่า “ดูก่อนท่านวิสัยหะ เป็น
เพราะการให้ทานของท่านนั่นเองจึงทำให้ทรัพย์หมด
เกลี้ยง ต่อแต่นี้ไป ท่านจงหยุดให้ทานเถิด โภคทรัพย์
จะได้คงอยู่ตามเดิม แต่ท่านต้องสัญญากับเราก่อน
ว่าจะงดการให้ทาน แล้วเราจะให้สมบัติใหญ่แก่ท่าน
ท่านเศรษฐีเมื่อได้ฟังดังนั้นจึงเอ่ยปากถามว่า
“ท่านเป็นใครกันถึงได้กล่าวเยี่ยงนี้” ท้าวสักกะจึง
เปิดเผยตัวเองว่า ตนคือท้าวสักกเทวราช จอมเทพ
แห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
วิสัยทะเศรษฐีจึงพูดขึ้นว่า “ท่านเป็นเทพ
ประเภทไหนกัน ธรรมดาท้าวสักกะเป็นผู้รักในการ
ให้ทานมิใช่หรือ แต่ตัวท่านเองกลับทำในสิ่งที่
ตรงกันข้าม ห้ามการบำเพ็ญบุญของผู้อื่นเช่นนี้
มันจะเป็นบาปกรรมแก่ท่านเสียเปล่าๆ จะยากจน
ข้นแค้นแค่ไหน ข้าพเจ้าก็จะให้ทานจนถึงที่สุด
ทว่าแม้หากรวยล้นฟ้าแต่ไม่ทำบุญ สู้ไม่มีเสียเลย
ยังจะดีกว่า อันที่จริงทรัพย์ในโลกนี้ล้วนเป็นของ
ชั่วคราวแต่บุญต่างหากที่ติดตามตัวไปทุกหนทุกแห่ง
ในเมื่อข้าพเจ้ายังมีลมหายใจก็จะให้ทานไปตราบเท่า