การเข้าทรงและวิทยาธรในความเชื่อไทย Case Study กฎแห่งกรรม เล่มที่ 5 หน้า 39
หน้าที่ 39 / 97

สรุปเนื้อหา

บทความนี้สำรวจถึงการเข้าทรงของผู้คนในประเทศไทย โดยเฉพาะเมื่อมีการขอคำปรึกษาจากคนทรงและวิทยาธร ซึ่งเป็นประเพณีที่มีความเชื่อว่าเป็นการสื่อสารกับสิ่งที่มองไม่เห็น ผู้ที่มีประสบการณ์เหล่านี้เล่าว่าความสามารถในการเข้าทรงขึ้นอยู่กับบุญที่สั่งสมในอดีต รวมถึงเส้นทางแห่งการเรียนรู้และการฝึกฝนของหมอที่ผ่านการศึกษาในวิชาต่างๆ การใช้คาถาและมนตราเป็นส่วนหนึ่งของการทำพิธี และการที่ผู้เข้าไปในร่างทรงต้องมีบารมีของพระอาจารย์ช่วยให้การเข้าทรงประสบผลสำเร็จ โดยเนื้อหายังกล่าวถึงความเคารพต่อธรรมะที่ส่งผลต่อการเข้าทรง โดยเฉพาะกรณีที่มีหลวงปู่พระมงคลเทพมุนีอยู่ด้วย ทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าทรงได้ ปฏิกิริยาต่อความเชื่อเหล่านี้ทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงที่มาของประเพณีและความสำคัญของวิทยาธรในอดีต

หัวข้อประเด็น

-การเข้าทรง
-วิทยาธร
-ความเชื่อไทย
-คาถาและมนตรา
-ประวัติศาสตร์และศาสนา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

บ้านของคนที่มาหาคนทรงว่าเป็นอย่างไร คนนี้มีอัธยาศัยอย่างไร หรือไปถามกายละเอียดที่มีอายุมากกว่าอยู่เป็น 1,000 ปี ที่รู้จัก คนที่มาดูดวงนี้ รื้อประวัติของคนๆนี้ให้หมดแล้วตอบออกมาตรง ตามความเป็นจริง เมื่อเทียนดับ ร่างทรงจะหลับตาเงียบหายไปเพราะขาดสื่อ หยาบๆที่จะคอยเชื่อม จึงไม่อาจอยู่ในร่างทรงได้อย่างต่อเนื่อง ตามหลักวิทยาธรของแต่ละสาย บางสายใช้ธูป ไม่ให้ดับดอกต่อดอก ตอนสะเดาะกุญแจเป็นเรื่องจริง โดยวิทยาธรเข้าร่างพ่อ หมอแล้วสะเดาะกุญแจ ในเวลาคับขัน วิทยาธรจะแวบมาทันที แล้วใช้มนตรา คาถาอาคมสะเดาะโซ่ตรวน ด้วยฤทธิ์ทางใจหรือ อธิษฐานฤทธิ์โดยมีมนตร์คาถาเป็นสื่อ บางแห่งจะใช้ไม้กุญแจ เรื่องที่สำคัญกว่านั้นคือ เป็นบุญของพ่อหมอที่เคยช่วย เหลือคนให้รอดตายมาก่อน พ่อหมอจึงรอดตายได้ในครั้งนั้น เป็นหลัก คาถาเป็นเพียงส่วนเสริม เมื่อพระลูกชายนำรูปหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร) ไปให้โยมพ่อ พวกวิทยาธรไม่ สามารถมาเข้าทรงพ่อหมอได้เพราะบารมีธรรมของหลวงปู่กับ วิชชาธรรมกายซ้อนกันอยู่ในรูปหล่อเป็นแสงสว่างมากจนทำให้ อาจารย์วิทยาธรเคารพยำเกรง ไม่กล้าเข้ามาสิงพ่อหมออีก ในอดีตชาติ พ่อหมอเรียนวิชาไสยเวทมา เมื่อตายไปแล้ว ก็ต้องไปเกิดเป็นวิทยาธร พอหมดบุญจากวิทยาธรแล้วได้มาเกิด 38 case study
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More