ลมหายใจของพระพุทธศาสนาในประเทศไทยและความสำคัญของการอบรมศีลธรรม ลมหายใจเข้าออกของพระพุทธศาสนา หน้า 17
หน้าที่ 17 / 29

สรุปเนื้อหา

บทความนี้วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของจำนวนภิกษุสงฆ์ในประเทศไทยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่มีพุทธศาสนามากและสำรวจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากจำนวนบวชลดลง โดยมีการเน้นเรื่องการอบรมศีลธรรมที่จำเป็นต่อการสร้างความมั่นคงให้กับพระพุทธศาสนาและสังคมไทย

หัวข้อประเด็น

-การพัฒนาพระพุทธศาสนา
-สัดส่วนภิกษุสงฆ์ต่อประชากร
-การอบรมศีลธรรมในสังคม
-ความสำคัญของเศรษฐกิจและจิตใจ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

๓๒ ลมหายใจเข้าออกของพระพุทธศาสนา หากดูตัวอย่างจากประเทศที่เป็นเมืองพุทธ มีการพัฒนาทาง เศรษฐกิจที่รุดหน้าไปก่อนไทยเรา และไม่มีประเพณีการบวชตั้งแต่ ยังเด็ก ปรากฏผลดังนี้ ประเทศไต้หวันมีพลเมือง ๒๑ ล้านคน เป็นชาวพุทธประมาณ ๔๐% ตกประมาณ ๑๖ ล้านคน มีนักบวชประมาณ 90,000 รูป และส่วนใหญ่เป็นภิกษุณี สัดส่วนของนักบวชต่อพุทธศาสนิกชน คิดเป็น 9 : 9,500 เกาหลีใต้มีประชากร ๔๕ ล้านคน เป็นชาวพุทธประมาณ ๒๐ ล้านคน มีภิกษุและภิกษุณีรวมประมาณ 90,000 รูป สัดส่วนของ นักบวชต่อชาวพุทธ คิดเป็น 9 : 5,000 (ในญี่ปุ่น พระภิกษุสงฆ์มี ครอบครัวเกือบทั้งหมด เมื่อเจ้าอาวาสมรณภาพ พระลูกชายก็เป็น เจ้าอาวาสต่อ หากไม่มีลูกชายก็อาจเป็นพระลูกเขย หรือภรรยาเป็น เจ้าอาวาสแทน คนทั่วไปไม่มีสิทธิ์ไปขอบวชตามวัดต่างๆ จึงไม่นับใน กรณีนี้) ปัจจุบันประเทศไทยมีพระภิกษุสามเณรประมาณ ๓๐๐,000 รูป มีประชากรประมาณ ๖๒ ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนพระภิกษุสามเณร ต่อชาวพุทธประมาณ 9 : ๒๐๐ ขอให้ลองคิดดูว่า ในอนาคตหาก จำนวนพระภิกษุสงฆ์ต่อพุทธศาสนิกชนไทยน้อยลงจนเหลือประมาณ 9 : ๒,๐๐๐ พอๆ กับเกาหลี ไต้หวันแล้วละก็ ทั้งประเทศไทยจะมีพระ ภิกษุสงฆ์เหลือเพียงประมาณ ๓๐,000 รูปซึ่งเท่ากับ ๑ ใน ๑๐ ของ พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ M.D., Ph.D. mm ปัจจุบัน ซึ่งวัดในปัจจุบันอาจกลายเป็นวัดร้างถึง ๘๐-๙๐ % เมื่อ เป็นเช่นนั้นอะไรจะเกิดขึ้น? การวางแผนสร้างศาสนทายาทที่มีทั้งปริมาณและคุณภาพ จึงเป็นภารกิจสำคัญที่รออยู่ในขณะนี้ การสร้างความมั่นคงของพระพุทธศาสนา ในการสร้างความมั่นคงของพระพุทธศาสนานั้น มีเรื่องที่ ต้องทำอยู่ ๒ ประการเป็นสำคัญ คือ ๑. การอบรมศีลธรรมแก่ประชาชน คณะรัฐบาลและ ประชาชนชาวไทยได้ร่วมใจกันกอบกู้วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจได้ สําเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นที่กล่าวขวัญกันทั่วโลก แต่เศรษฐกิจกับ จิตใจจะต้องไปคู่กัน จึงจะเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน หากผู้คนในสังคม ขาดการพัฒนาจิตใจ ไม่มีศีลธรรม เห็นแก่ตัว อยู่แบบตัวใครตัวมัน ครอบครัวแตกแยก ประชาชนไม่มีความสุข สังคมไร้เสถียรภาพ การพัฒนาทางเศรษฐกิจก็จะไม่ยั่งยืนและไร้ความหมาย สภาพ สังคมที่มั่นคง สงบร่มเย็นเท่านั้น จึงจะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่ง รองรับความเจริญรุดหน้าทางเศรษฐกิจได้ ซึ่งในการอบรมศีลธรรมนี้ เราอาจแบ่งประชาชนออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ คือ นักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชนซึ่งอยู่ในระบบการศึกษา
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More