ข้อความต้นฉบับในหน้า
๓๒ ลมหายใจเข้าออกของพระพุทธศาสนา
หากดูตัวอย่างจากประเทศที่เป็นเมืองพุทธ มีการพัฒนาทาง
เศรษฐกิจที่รุดหน้าไปก่อนไทยเรา และไม่มีประเพณีการบวชตั้งแต่
ยังเด็ก ปรากฏผลดังนี้
ประเทศไต้หวันมีพลเมือง ๒๑ ล้านคน เป็นชาวพุทธประมาณ
๔๐% ตกประมาณ ๑๖ ล้านคน มีนักบวชประมาณ 90,000 รูป
และส่วนใหญ่เป็นภิกษุณี สัดส่วนของนักบวชต่อพุทธศาสนิกชน คิดเป็น
9 : 9,500
เกาหลีใต้มีประชากร ๔๕ ล้านคน เป็นชาวพุทธประมาณ ๒๐
ล้านคน มีภิกษุและภิกษุณีรวมประมาณ 90,000 รูป สัดส่วนของ
นักบวชต่อชาวพุทธ คิดเป็น 9 : 5,000 (ในญี่ปุ่น พระภิกษุสงฆ์มี
ครอบครัวเกือบทั้งหมด เมื่อเจ้าอาวาสมรณภาพ พระลูกชายก็เป็น
เจ้าอาวาสต่อ หากไม่มีลูกชายก็อาจเป็นพระลูกเขย หรือภรรยาเป็น
เจ้าอาวาสแทน คนทั่วไปไม่มีสิทธิ์ไปขอบวชตามวัดต่างๆ จึงไม่นับใน
กรณีนี้)
ปัจจุบันประเทศไทยมีพระภิกษุสามเณรประมาณ ๓๐๐,000 รูป
มีประชากรประมาณ ๖๒ ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนพระภิกษุสามเณร
ต่อชาวพุทธประมาณ 9 : ๒๐๐ ขอให้ลองคิดดูว่า ในอนาคตหาก
จำนวนพระภิกษุสงฆ์ต่อพุทธศาสนิกชนไทยน้อยลงจนเหลือประมาณ 9
: ๒,๐๐๐ พอๆ กับเกาหลี ไต้หวันแล้วละก็ ทั้งประเทศไทยจะมีพระ
ภิกษุสงฆ์เหลือเพียงประมาณ ๓๐,000 รูปซึ่งเท่ากับ ๑ ใน ๑๐ ของ
พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ M.D., Ph.D. mm
ปัจจุบัน ซึ่งวัดในปัจจุบันอาจกลายเป็นวัดร้างถึง ๘๐-๙๐ % เมื่อ
เป็นเช่นนั้นอะไรจะเกิดขึ้น?
การวางแผนสร้างศาสนทายาทที่มีทั้งปริมาณและคุณภาพ
จึงเป็นภารกิจสำคัญที่รออยู่ในขณะนี้
การสร้างความมั่นคงของพระพุทธศาสนา
ในการสร้างความมั่นคงของพระพุทธศาสนานั้น มีเรื่องที่
ต้องทำอยู่ ๒ ประการเป็นสำคัญ คือ
๑. การอบรมศีลธรรมแก่ประชาชน คณะรัฐบาลและ
ประชาชนชาวไทยได้ร่วมใจกันกอบกู้วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจได้
สําเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นที่กล่าวขวัญกันทั่วโลก แต่เศรษฐกิจกับ
จิตใจจะต้องไปคู่กัน จึงจะเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน หากผู้คนในสังคม
ขาดการพัฒนาจิตใจ ไม่มีศีลธรรม เห็นแก่ตัว อยู่แบบตัวใครตัวมัน
ครอบครัวแตกแยก ประชาชนไม่มีความสุข สังคมไร้เสถียรภาพ
การพัฒนาทางเศรษฐกิจก็จะไม่ยั่งยืนและไร้ความหมาย สภาพ
สังคมที่มั่นคง สงบร่มเย็นเท่านั้น จึงจะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่ง
รองรับความเจริญรุดหน้าทางเศรษฐกิจได้ ซึ่งในการอบรมศีลธรรมนี้
เราอาจแบ่งประชาชนออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ คือ
นักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชนซึ่งอยู่ในระบบการศึกษา