ข้อความต้นฉบับในหน้า
ถ้ามีศีลเหลือ ๓ ข้อ ความเป็นคนเหลือ ๖๐ % ใกล้สัตว์เข้าไป ๕๐ %
ถ้ามีศีลเหลือ ๒ ข้อ ความเป็นคนเหลือ ๕๐ % ใกล้สัตว์เข้าไป ๖๐ %
ถ้ามีศีลเหลือ ๑ ข้อ ความเป็นคนเหลือ ๒๐ % ใกล้สัตว์เข้าไป ๘๐ %
ถ้าศีลทุกข้อขาดหมด ก็หมดความเป็นคน หมดความสงบ หมดความสุข
แม้ยังมีชีวิตอยู่ก็เหมือนคนตายแล้ว เพราะความดีใดๆ ไปอาจจงงเงขึ้นมาได้อีก
มีชีวิตอยู่ก็เพื่อจะทำความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่นเท่านั้น คนชนิดนี้คือคนประมาทแท้ๆ
ใครบัญญัติศีล ๕
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า โดยสามัญสำนึก คนเราโดยทั่วไปย่อมมีศีล ๕ ประจำเป็นปกติ จึงกล่าวได้ว่า ศีล ๕ คือคุณสมบัติขั้นสุดของมนุษย์ หรือมนุษยธรรม เป็นความดีงามขั้นพื้นฐานที่แสดงความเป็นผู้มีใจบริสุทธิ์สุดในโลก ดังนั้น ผู้ใดแม้จะเรางร้ายเป็นคน แต่งขาดศีล ก็ไม่ถือว่าเป็นมนุษย์ เพราะขาดความดีหรือคุณสมบัติของมนุษย์นั้นเอง ศีล ๕ ข้อนี้ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครกล้าดัดแปลงและได้แน่ว่าไม่เหมาะสม หรือไม่ดีจริง ศาสดาผู้บัญญัติศีลสามารถๆ พานิยมรับ และไม่มุ่งให้บังคับบัญญัติให้สันนิษฐานของตน
ปฏิบัติตามศีล ข้อนี้เลย ถ้ามนุษย์พากันฝืนทำหรือไม่ปฏิบัติตามศีล ๕
สังคมมนุษย์ก็จะไม่ได้จากสังคมของสัตว์ หรืออาจจะเลวร้ายยิ่งกว่ามสของสัตว์
ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ในที่สุด มนุษย์ก็จะต้องสุขพันธูปจากโลกนี้ เพราะการทำลายล้างผลาญกันเอง
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า ศีล ย่อมมาเป็นของคู่โลก
เพื่อรักษาปกติของมนุษย์หรือมนุษยธรรมไว้ เป็นสิ่งที่มีมานานสมัยพุทธกาล
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็นวาเป็นสิ่งสูงงาม เป็นวิถีทางธรรมเบื้องต้นของมนุษย์
เป็นเครื่องแกนกลางจากออกจากสัตว์ จึงทรงรับไว้ในพระพุทธศาสนา
อย่างไรที่เรียกว่าศีลขาด
มีคนจำนวนมากที่ตั้งใจจะให้บริจาค ไม่ให้ท้องพร้อม แต่ก็อคตสงสัยไม่ได้ว่า
การกระทำอย่างที่ผ่านมาและไม่จดจำได้ทำให้ศีลตนตั้งใจรักษาไว้
เกิดผิดพร้อมหรือขาดไปบ้างหรือไม่ ก็สามารถตัดสินได้เองตามองค์ประกอบแห่งการกระทำผิดศีลของศีลแต่ละข้อ ซึ่งเราเรียกสั้นๆ ว่า องค์แห่งศีล หรือองค์ศีล ดังนี้