ข้อความต้นฉบับในหน้า
ในทำนองกลับกัน ถ้าเมืองใด ประเทสใด มีผู้นำที่ดี ซึ่งทั้งนี้ย่อมหมายถึงว่าประชาชนนครเมืองทั่งหลาย ก็มีแนวโน้มเป็นผู้นำที่ดีด้วย บ้านเมืองนั้นก็ประสบความก้าวหน้า คือความมุขออยากกจนไปทั่วทุกหย่อมหญ้าด้วย ดังนั้นเรื่องปรากฏใน กรุธรรมนาชก ซึ่งสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแก่พระภิกษุในครั้งพุทธกาล มีใจความโดยสังเขปดังจะกล่าวไว้ในนี้
กรุธรรมนาชก
ในอดีตกาลก่อนสมุทรพุทธกาล เมื่อพระมหากษัตริย์ผู้รองอินทปิณฑหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นรัฐ เสด็จสวรรคตแล้ว พระราชโอรสสิ้นไพร่ราชบัลลังก์ ทรงพระนามว่า พระเจ้านันทบุรีโกณฑกะ พระมหากษัตริย์องค์ใหม่คือ ทรงดำรงมั่นอยู่ในพิธีราชธรรม และทรงรักษากรุธรรมนั้น คือ ศีล ๕ อันเป็นธรรมเนียมของชาวกรุธรัษฎา พระบรมวงศานุวงศ์ล้วนแต่ชาวเมืองทั้งหลาย ต่างก็ยึดถือนในกรุธรรมหรือศีล ๕ อย่างไม่มีตำหนิ
นอกจากนั้น พระมหากษัตริย์ยังได้สร้างโรงพักแห่งนี้ในพระนครดังกล่าว และทรงบริจาคทรัพย์สำหรับโรงมหทุแห่งนี้เป็นจำนวนมากทุกวัน ซึ่งย่อมแสดงว่าสภาพเศรษฐกิจในนครนี้ดีมาก และประชาชนอยู่อึดอัดเป็นสุขทั่วหน้ากัน
ส่วนเมืองทัตนบุรี ซึ่งมีพระเจ้ากัลคราช เป็นอัครราชัยครอง และอยู่ไม่ห่างจากแคว้นกรุธรร มัน จะว่ากรัณเป็นนครที่อยากแยกแค่นี้ ถูกโจรดักลัก รบกวนอยู่เสมอ ทั้งนี้เพราะเกิดฝน ขวายามหามาแพง ประชาชนจึงพากันเข้าไปร้องทุกข์ที่ประตูพระบรมราชวัง พระเจ้ากัลคราชจึงตรัสถามบรรดาราษฎรว่า เมื่อฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลนี้ กษัตริย์โบราณทรงแก้ปัญหาอย่างไร รายงานทั้งหลายจึงกราบทูลว่า กษัตริย์โบราณ จงทรงบริจาคทุน และทรงถืออภิบาลสถูปอริยะในบรรดา ๗ วัน ฝนจึงจะตก รายภูมิจะหว่านข้าว คำลำทำมหากินได้
พระเจ้ากัลคราชจึงทรงสั่งเด็ดมาตามคำกราบทูลของราษฎร แต่ฝนก็ยังไม่ตก พระองค์จึงทรงปรีชาหรือนกับบรรดาอาณามัยหลาย ทั้งราษฎร์อามาตย์ก็กราบทูลว่า พระเจ้ากัลคราชเมื่ออินทปิณฑหานคร มีพุทธชำนเถิดอันเป็นมงคลสำหรับพระนครอยู่ ๑ เชือก ถ้าได้พุทธชำนเถิดนั้นมาสู่ทุ่งนูรี ฝนก็จะตกบำรุง พระเจ้ากัลคราชได้ทรงสดับมาว่า พระเจ้าบัญชัยโกนาคมะนั้น มีพระทัยยินดีในทางบริจาคทานเป็นอย่างยิ่ง จงโปรดให้พวกมณฑล ๘ คน เดินทางไปดูของพุทธชำนเถิด เพื่อจะทดสอบพระองค์ตามคำกราบทูลของเหล่าราษฎร