ข้อความต้นฉบับในหน้า
ชีวิตใหม่ คือ เราขอให้ลูกชายบวชพระในโครงการบวชพระแสนรูป
เข้าพรรษาพร้อมกันทั่วประเทศ ส่วนลูกชายคนเล็กเราก็ให้เขาบวช
สามเณรภาคฤดูร้อน ซึ่งพอเขาบวชเสร็จ เขาก็กลับตัวกลับใจเป็นคน
ใหม่ รับผิดชอบ อ่อนโยน เหมือนเราได้ลูกคนใหม่ ที่ทำให้ไม่ทุกข์ใจ
เหมือนที่ผ่านมา
เกิด
“ตั้งแต่เราตัดสินใจไปบวชอุบาสิกาแก้ว มีแต่สิ่งดี ๆ
ขึ้นกับชีวิตเรามาโดยตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งเราฝันว่า เห็นดวง
อาทิตย์ดวงใหญ่ที่สว่างเจิดจ้าและทรงพลัง และมีพญาอินทรีบินออก
มาจากดวงอาทิตย์ดวงนั้น พอฝันอย่างนี้ได้ไม่นาน พระอาจารย์ท่าน
ก็เล่านิทานเรื่องพญาอินทรีกับแม่ไก่ให้ฟังว่า มีลูกนกอินทรีตกจากรังลงมายังฝูงลูกไก่ แล้วแม่ไก่ก็
เลี้ยง เพราะนึกว่าเป็นลูกของตน โดยสอนให้คุ้ยเขี่ยหาอาหารจนโต แต่พอวันหนึ่งลูกนกอินทรีเงยหน้า
เห็นพญาอินทรีตัวใหญ่โผบินอย่างองอาจสง่างามอยู่บนท้องฟ้า ก็รู้สึกว่าตัวมันน่าจะทำสิ่งนั้นได้ แต่
แม่ไก่บอกว่า เราเป็นเพียงแค่ไก่กระจอก ไม่มีวันที่จะบินเหมือนพญาอินทรีได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณ
ความเป็นอินทรีในสายเลือดของลูกนกอินทรีที่หลงมาในฝูงแม่ไก่ มันจึงแอบแม่ไก่เดินขึ้นไปบน
หน้าผาและลองบินดูบ้าง ปรากฏว่ามันบินได้อย่างนกอินทรีจริง ๆ และรู้สึกว่าเป็นชีวิตที่ใช่ตัวเองมาก
กว่าการเป็นไก่ มันจึงได้มารู้ความจริงว่า เราคือนกอินทรี พอฟังพระอาจารย์ท่านเล่าถึงตรงนี้ ก็ย้อน
กลับมานึกถึงตัวเอง ว่าเราไม่ได้เกิดมาเพียงเพื่อเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก และอยู่ไปวัน ๆ ซึ่งหากทำแค่นั้น
ก็คงไม่ต่างอะไรกับการเกิดเป็นไก่ เพราะเราลองใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ มาถึง ๔๒ ปี ก็ไม่เคยทำให้เรา
มีความสุขเลย เพราะขณะที่เรามีความทุกข์ ความสุขมันอยู่ข้าง ๆ เรานี่เอง แต่เรากลับมองไม่เห็น
เพราะเรามัวแต่ทุกข์ และในทำนองเดียวกัน ขณะที่เรากำลังสำลักความสุข ความทุกข์ก็กำลังจ่อที่จะ
เล่นงานอยู่ ถ้าเราประมาท เราใช้ชีวิตอยู่กับการหลอกตัวเองมามาก ซึ่งความรู้สึกของตัวเองตอนนั้น
ไม่ต่างอะไรกับลูกนกอินทรีที่หลงอยู่ในฝูงไก่ ด้วยเหตุนี้เองเราจึงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่า เราจะมา
เป็นผู้นำบุญ เราจะต้องลุกออกไปทำหน้าที่เป็นแสงสว่างให้กับชาวโลก เพราะชีวิตที่เกิดมานี้ เรา
สามารถทำอะไรได้มากกว่าการเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก แล้วให้สามีเลี้ยง
ๆ
“ทุกวันนี้ เราทำหน้าที่ชวนคนบวชมาทุกโครงการ ตั้งแต่บวชพระ บวชอุบาสิกาแก้วรุ่น
๕๐๐,๐๐๐ คน รุ่น 9,000,000 คน ชวนทุกวัน หมู่บ้านหนึ่งเราไปถึง ๓ ครั้ง ไปจนกว่าเขาจะยอมบวช
ค่ำไหนนอนนั่น กินนอนในรถ บางทีก็เอาเต็นท์ใส่รถไป ถ้าไปทำหน้าที่ในหมู่บ้านที่มีวัด ก็ไปอาศัยวัด
กางเต็นท์นอน หรือไปนอนที่ศูนย์อบรมเยาวชนนครราชสีมา ทั้ง ที่เราเองก็ยังป่วยเป็นเบาหวาน
และความดันอยู่ มีอาการวูบบ่อย ๆ แต่เราก็ทำอย่างชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เดินชวนคนทุกบ้าน
อย่างไม่เว้น เพราะเรามานึกถึงตัวเองตอนที่อยากบวชมาก แล้วได้แต่รอวันแล้ววันเล่าที่จะให้ผู้นำบุญ
มาถึงบ้านเรา แต่ก็ไม่มีคนมาชวนเราสักที ดังนั้นเราจึงไปทุกบ้าน ไปตามงานศพ ไปยังอำเภอและ
หมู่บ้านที่ยังไม่เคยมีใครไป เพื่อนำข่าวการบวชไปบอกเขา ซึ่งขณะที่เราทำหน้าที่ชวนบวช เราก็
อธิษฐานตลอดเลยว่า ขอให้ชาติหน้าได้เกิดมาเจอหมู่คณะอีก ได้มาเจอหลวงปู่ เจอหลวงพ่อ