การเปลี่ยนแปลงในสังคมและกิจกรรมร่วมของชุมชน วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน ธันวาคม พ.ศ.2553 หน้า 94
หน้าที่ 94 / 128

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาพูดถึงการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาเศรษฐกิจและวิถีชีวิตที่ทำให้คนในเมืองมีเวลาน้อยลงในการทำกิจกรรมร่วมกันในชุมชน ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้ความสัมพันธ์ของคนในชุมชนลดน้อยลง วัดเป็นศูนย์กลางของกิจกรรม แต่ในเมืองใหญ่คนมักยุ่งอยู่กับการทำงานและการศึกษา ช่วงเวลาที่เคยมีความสงบสุขในชนบทเปลี่ยนไป ความสะดวกสบายที่ได้มามักมาพร้อมกับการขาดหายของความสัมพันธ์และกิจกรรมร่วมที่ทำให้เกิดความคุ้นเคยในชุมชน การสร้างกิจกรรมร่วมที่ใช้ธรรมะเป็นตัวเชื่อมโยงคนทุกวัยจึงเป็นทางออกในการพัฒนาความสัมพันธ์ในชุมชนและทำให้ชีวิตมีเป้าหมายมากขึ้น ในยุคที่ทุกคนถูกกดดันด้วยเวลาและการแข่งขัน

หัวข้อประเด็น

-การเปลี่ยนแปลงในสังคม
-กิจกรรมร่วมในชุมชน
-ธรรมะและการศึกษา
-ผลกระทบจากการพัฒนาเศรษฐกิจ
-การสร้างความสัมพันธ์ในชุมชน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

องค์ประกอบอื่นของสังคมที่จะดูดเวลาไปยังมีน้อย โรงหนังก็ยังไม่มี บาร์ ผับ ก็ไม่มี อะไร ๆ ก็อยู่ที่วัด และวัดก็มีลักษณะ open คือ มีลักษณะเปิด ใคร มาก็เจอหน้าเจอตากัน แต่ว่ายุคปัจจุบัน ในกรุงเทพฯ หรือในเมือง ใหญ่ ๆ มีคนหลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศ ที่มาเรียน หนังสือก็ไปเรียนกันคนละโรงเรียน มหาวิทยาลัย คนละแห่ง ทำงานคนละบริษัท เช้าตื่นมาต้องรีบไป ทำงาน บางคนก็ขับรถไป บางคนก็ขึ้นรถเมล์ เย็น กว่าจะกลับก็มืดค่ำ หมดแรง ต่างคนต่างเข้าบ้าน ของตัว ในชุมชนแต่ละแห่ง ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้าน จัดสรร หรือชุมชนต่าง ๆ ในเมือง กิจกรรมร่วมที่ ทุกคนในชุมชนทำร่วมกันมีน้อยกว่าในชนบทมาก ทำให้ความคุ้นเคยของคนมีจำกัด บางทีถ้าจะมี ความคุ้นเคยเกิดขึ้น ก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าประสงค์ เช่น วัยรุ่นมาจับกลุ่มกันไปขับมอเตอร์ไซค์ซิ่ง หรืออะไร ต่าง ๆ อันนี้กลับไม่ค่อยดี ยิ่งสังคมพัฒนามากขึ้น กลายเป็นว่าสิ่งที่เราต้องเสียไป กับสิ่งที่เราได้มาต้อง ดูว่าคุ้มกันหรือเปล่า ต้องยอมรับว่าเมื่อเศรษฐกิจ พัฒนาไป ชีวิตมนุษย์มีความสะดวกสบายขึ้นมาก บางคนมีลักษณะโหยหาอดีต รู้สึกว่าสังคมเมื่อร้อย ปีที่แล้วสวยงามมาก อันที่จริงก็เป็นบางมุม แต่ใน บางมุมก็ขาดแคลน เช่น เวลาไม่สบาย ยารักษา โรคก็หาลำบาก ไม่สบายขึ้นมาก็ตายง่าย ๆ เพราะว่า หาหมอยาก เดินทางก็ไม่สะดวก ข้าวของหรือ สิ่งอำนวยความสะดวกก็มีน้อย ปัจจุบันต้องการ อะไรสะดวกสบายไปทุกอย่าง แต่สิ่งที่ต้องแลกไป คือเวลา สมัยก่อนคนมีอาชีพทำไร่ ทำนา ในเวลา 5 ปี เวลาที่งานยุ่งจริง ๆ ไม่นาน ไถนา หว่านข้าว เสร็จ ก็ไม่ค่อยยุ่งแล้ว รอให้ข้าวออกรวง ระหว่าง นั้นก็ไปวิดน้ำเข้านาบ้าง หรือว่าดูระดับน้ำให้พอดี และคอยระวังอย่าให้มีศัตรูพืชมารบกวน เป็นงาน สบาย ๆ ไปยุ่งอีกครั้งตอนเกี่ยวข้าวและนวดข้าว ถ้าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็จะค่อนข้างว่าง จะยุ่ง อีกครั้งก็ฤดูฝนหน้า ฉะนั้นจริง ๆ แล้ว ในเวลา ๑ ปี งานไม่ยุ่งมากนัก เวลาเหลือค่อนข้างมาก แต่ ยุคปัจจุบันยุ่งตลอด ชีวิตถูกบีบรัดด้วยเวลามาก ๆ เพราะถ้าเราไม่รีบเดี่ยวสู้เขาไม่ได้ ส่วนตัวก็ต้อง แข่งกับคนอื่น บริษัทก็ต้องแข่งกับบริษัทอื่น ถ้าไม่ ทุ่มเทเดี๋ยวก็สู้เขาไม่ได้ ทุกคนถูกบีบให้อยู่ในลู่ แล้วก็วิ่งแข่งกัน แต่พอแข่ง ๆ ไปแล้ว สิ่งที่ได้มา คือความสะดวกสบายบางอย่าง แต่ถ้าทางใจพร่อง เหงา พอทำ ๆ ไปแล้วไม่รู้ว่าทำเพื่ออะไร อย่างนี้ ก็น่าเสียดาย ถามว่าจะแก้อย่างไร เขาบอกว่าตอนนี้กำลัง จะเกิดนวัตกรรมใหม่ที่จะเปลี่ยนเมืองทั่วโลก ก็คือ สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ในปัจจุบัน คือ ต้องสร้างกิจกรรม ร่วมในชุมชน เราจะเปลี่ยนเมืองให้เป็นเหมือนใน ชนบทไม่ได้ เพราะวิถีชีวิตคนเปลี่ยนไปแล้ว ต้อง เสริมจุดที่ขาด คือดึงให้คนในชุมชนมามีกิจกรรม ร่วมกัน โดยใช้เรื่องการศึกษาธรรมะ เพราะเรื่อง ธรรมะเป็นเรื่องที่ไม่มีวัย จะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ สามารถศึกษาธรรมะได้เช่นเดียวกัน ไม่จำกัดด้วยวัย ไม่จำกัดด้วยเพศ แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นความสนใจจะ ต่างกัน เช่น เรื่องหนัง เด็กจะสนใจหนังแบบหนึ่ง ผู้ใหญ่สนใจอีกแบบหนึ่ง ความสนใจที่ต่างกันทำให้ มีช่องว่างระหว่างวัย แต่ธรรมะเป็นเรื่องกลาง ๆ ที่ ทุกคนสามารถศึกษาได้หมด แล้วถ้าหากทุกคนเข้าใจ เกี่ยวกับเรื่องบุญ เรื่องวัฏสงสาร เรื่องนรก สวรรค์ บุญ บาป เป้าหมายชีวิต ชีวิตก็จะมีเป้าหมาย ไม่เคว้งคว้างไปวัน ๆ หนึ่ง แม้ต้องทำการงานเพื่อ หาปัจจัย ๔ มาหล่อเลี้ยงชีวิต แต่ขณะเดียวกันบุญ ก็ต้องสร้างด้วย จะได้เป็นเสบียงต่อไปในภพเบื้องหน้า เมื่อเข้าใจอย่างนี้ ก็จะเกิดแรงบันดาลใจที่จะมาทำ กิจกรรมเกี่ยวกับเรื่องการบุญการกุศลร่วมกัน C
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More