ข้อความต้นฉบับในหน้า
แต่ที่โลกยุคปัจจุบันนี้เกิดความผิดพลาด ก็เพราะมองอาชีพครูเป็นเพียงผู้มีความรู้
ในเรื่องนั้น ๆ แล้วไปจ้างมาสอนหนังสือ ไม่ได้มองว่าครูต้องเป็นผู้ที่สามารถเปลี่ยนศาสตร์
ที่รู้ให้เป็นศิลปะในการดำรงชีพได้ ถ้ายังทำไม่ได้เรียกว่าผู้มีความรู้ แต่ยังไม่ใช่ครู
บางทีพอเห็นเขาจบปริญญาตรีด้านนั้นด้านนี้ก็ไปเอาตัวเขามา แต่ยังไม่ได้ศาสตร์
และศิลป์ในการเลี้ยงชีพด้วยซ้ำ แล้วก็คิดว่าเขาเป็นเรือจ้าง ไปเอาเขามาเป็นครู มาบรรจุ
มาสอน ก็ได้แต่คนที่เป็นลูกจ้างสอนหนังสือแต่ยังไม่ใช่ครู พวกนี้ขายแต่ค่าแรงในการ
พายเรือจ้าง ไปยืนสอนหน้าชั้นปาว ๆ ขายความรู้ แต่ยังไปไม่ถึงขั้นศิลป์
ๆๆ
ชาวโลกที่ตำหนิครูว่าเป็นคนพายเรือจ้าง ก็แสดงว่าคนที่ตำหนิก็ไม่รู้จักครูจริง ๆ
ใครที่มีอาชีพเป็นครูแล้วไม่ได้รับเกียรติจากลูกศิษย์ ก็อย่าไปโทษลูกศิษย์ ฟ้อง
ว่าการเอาความรู้มาเปลี่ยนเป็นความสามารถให้แก่ลูกศิษย์ของตัวเองยังไม่มี ยังไม่ต้อง
พูดถึงศิลปะในเรื่องการปิดนรกเปิดสวรรค์ให้ลูกศิษย์ ซึ่งเป็นศิลปะขั้นสูงกว่านั้นมากมาย
นัก
เพราะตัวเองยังดูไม่ออกว่า เราไม่มีศิลปะแห่งความเป็นครู จึงเป็นได้แค่เรือจ้าง
ศิลปะแห่งความเป็นครูไม่ใช่เรื่องธรรมดา
เพราะฉะนั้น เมื่อก่อนนี้เอกชนก็ตาม รัฐบาลก็ตาม จะรับใครเป็นครูจะต้องคัดแล้ว
คัดอีก คนที่ฉลาดที่สุดต้องเลือกมาเป็นครู และยังต้องมาทดสอบว่า รักความเป็นครูจริง
หรือไม่ ถ่ายทอดความรู้ให้ลูกศิษย์ได้จริงหรือไม่ โรงเรียนฝึกหัดครูจึงจำเป็นต้องเกิด
ขึ้นมา แต่ปัจจุบันนี้ เอาของดีที่มีอยู่แล้วไปโยนทิ้ง แล้วมองว่าครูเป็นแค่ลูกจ้างสอน
หนังสือเท่านั้น จะคัดเลือกใครมาเป็นก็ได้ อย่างนี้เท่ากับเป็นการดูถูกภูมิปัญญาของพ่อแม่
ปู่ย่า ตายาย
ครูที่มีศาสตร์และศิลป์
ท่านที่เป็นครูอยู่แล้ว ก็ต้องสำรวจตัวเองว่า ตัวเองอยู่ในระดับไหน
๑. มีศาสตร์ แต่ไม่มีศิลป์
๒. มีศาสตร์ และมีศิลป์ปิดนรกเปิดสวรรค์ให้ตัวเองได้
๓. มีศาสตร์ และมีศิลป์ปิดนรกเปิดสวรรค์ให้ลูกศิษย์ได้
ครูประเภทที่ ๓ นี้ สมัยโบราณมีมาก แต่ยุคนี้เรามองข้ามศีลธรรม ครูประเภทนี้
จึงหายไปจากสังคมจนจวนจะหมดอยู่แล้ว
ครูประเภทที่ ๓ นี้ เวลาเดินไปบนถนน ทั้งพ่อทั้งลูกจูงมือกันมาเห็นท่าน ก็จะบอก
ว่าครูท่านนี้ไม่ใช่แค่ครูของลูกเท่านั้น เป็นครูของพ่อด้วย เป็นเพื่อนของปู่ด้วย ที่พ่อมี
ความรู้มาสอนลูกได้ทุกวันนี้ก็เพราะได้ครูท่านนี้สอนมา ไม่ใช่เฉพาะพ่อเท่านั้น ปู่ของลูก
ก็ได้ครูท่านนี้คอยช่วยเหลือกันมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนแล้ว