ความเชื่อมโยงระหว่างมะเร็งและสุขภาพจิตในองค์กร วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน ตุลาคม พ.ศ.2553 หน้า 75
หน้าที่ 75 / 108

สรุปเนื้อหา

บทความนี้อธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพจิตและการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะในองค์กร เรื่องราวเริ่มจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลงจากความเครียด หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ ภายหลังที่ร่างกายเผชิญกับมลพิษทั้งในอาหารและสิ่งแวดล้อม จะส่งผลให้มีโอกาสเกิดเซลล์ผิดปกติที่นำไปสู่มะเร็งได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยกตัวอย่างวิธีการสื่อสารระหว่างสมาชิกในองค์กรที่จำเป็นต้องมีการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาความเข้าใจผิดในองค์กรที่สามารถนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่ขึ้นได้.

หัวข้อประเด็น

- ความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพจิตและมะเร็ง
- ปัจจัยที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน
- การสื่อสารในองค์กร
- การจัดการมลพิษทางใจ
- การควบคุมเซลล์ผิดปกติในองค์กร

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ทันโลก ทันธรรม สิ่งผิดปกติก็จะทำได้น้อยลง ทำให้มีโอกาสเป็น มะเร็งได้เพิ่มขึ้น ถ้าถามว่าทำไมภูมิคุ้มกันถึงอ่อนกำลังลง สาเหตุหลัก ๆ เกิดจากความเครียด พักผ่อนไม่พอ ร่างกายอ่อนล้า ทำให้ระบบต่าง ๆ อ่อนกำลังลง ถึงคราวมีอะไรผิดปกติขึ้นมาก็สู้ไม่ไหว จัดการไม่ได้ ๔. เกิดจากอาหารที่เราบริโภค ถ้าอาหาร ที่เราบริโภคเป็นอาหารที่ไม่เหมาะสม มีสารก่อ มะเร็งมาก ก็มีโอกาสเกิดโรคได้มาก ทั้ง ๔ ข้อนี้ มีความเชื่อมโยงกัน ไม่ได้แยก ขาดจากกัน หากรับสารพิษเข้าไปมาก ไม่ว่าอากาศ เป็นพิษ หรือน้ำเป็นพิษก็ตาม มีโอกาสเข้าไปสะสม ในร่างกาย แล้วนำไปสู่ข้อ ๒ คือ กระตุ้นให้เกิดการ สร้างเซลล์ใหม่ที่ผิดปกติขึ้นมา แล้วพอภูมิคุ้มกัน อ่อนกำลังลงเพราะพักผ่อนไม่พอ หรือเพราะเครียด ก็จะทำให้กระบวนการในการกำจัดเซลล์ผิดปกติ ทำหน้าที่ได้ไม่ดี เซลล์ผิดปกติก็เลยเจริญเติบโต มากขึ้น ๆ จนกระทั่งกลายเป็นมะเร็ง อาหารที่เรา บริโภคก็เป็นตัวหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดสารพิษ กระตุ้น ทำให้เกิดเซลล์ผิดปกติได้มากขึ้นเช่นเดียวกัน แล้ว กลายเป็นมะเร็งในที่สุด นี่คือ กระบวนการในการ เกิดมะเร็งของคนเราโดยทั่วไป ส่วนมะเร็งองค์กรนั้น มีสิ่งที่จะต้องใส่ใจและ ให้ความสำคัญ คือ G). ป้องกันมลพิษทางใจระบาดในองค์กร ก่อนอื่นถ้าเรามององค์กรโดยทั่วไปจะพบว่ามีสารพิษ มาโดยตลอด เป็นมลพิษทางใจของสมาชิกในองค์กร ที่ทำให้เกิดความคิดหรือความเข้าใจผิด ๆ ออก นอกลู่นอกทาง ซึ่งถ้าทิ้งไว้ก็จะทำให้องค์กรปั่นป่วน ได้ เรื่องนี้ขอยืมตัวอย่างของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาให้ดูว่า พระองค์ทรงบริหารองค์กรคณะสงฆ์ ในครั้งพุทธกาลอย่างไร จึงทำให้สงฆ์เป็นปึกแผ่น และสามารถสืบทอดมาได้ถึง ๒,๐๐๐ กว่าปี วิธีของพระองค์ ก็คือ การพร่ำสอนบ่อย ๆ ดังจะเห็นได้ว่า พระองค์ทรงพร่ำสอนพระภิกษุสงฆ์ มาตลอดพระชนม์ชีพ เพื่อให้คณะสงฆ์เกิดความ เข้าใจที่ตรงกันว่า อะไรคือสิ่งที่ถูก ที่ควร ที่ดี ในการบริหารองค์กรก็เช่นกัน พวกเราจะต้อง มีการสื่อสารที่ดีระหว่างผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ และ พนักงานทั้งหมดในองค์กร วิธีการง่าย ๆ ที่จะเช็กว่า เรามีระบบการสื่อสารดีพอหรือเปล่า คือ สังเกตว่า ในองค์กรมีข่าวลือไหม ถ้าองค์กรไหนมีข่าวลือมาก แสดงว่าระบบการสื่อสารมีปัญหา ถ้าเพิกเฉยทิ้งไว้ จะทำให้มีโอกาสเกิดมะเร็งขึ้น ถ้าผู้บริหารตัดสินใจ ทำอะไร จะนำองค์กรไปในทิศทางไหน ต้องมีการ สื่อสารกับพนักงานและเจ้าหน้าที่ ให้เขาเข้าใจเหตุผล ที่มา ที่ไป พอทุกคนเข้าใจ เห็นภาพทั้งหมดตรงกัน องค์กรก็จะรวมเป็นเอกภาพ เพราะเอกภาพเริ่มต้น จากความคิด แต่ถ้าขาดความเข้าใจ ก็จะตีความ กันไปต่าง ๆ นานา ผลลัพธ์ก็คือคิดกันไปคนละทิศ คนละทาง คิดแล้วเอาไปพูดต่อก็กลายเป็นข่าวลือ ยิ่งถ้ามีคนเจตนาไม่ดีมาปล่อยข่าวลือก็ยิ่งไปกันใหญ่ แต่ถ้าองค์กรไหนมีระบบการสื่อสารที่ดีทุกคน จะรู้ว่าต้องฟังใคร ข้อมูลจากใครเชื่อถือได้มากที่สุด อย่างนี้ถ้าอะไรเกิดขึ้น ทุกคนก็จะเข้าใจทุกอย่าง ใคร จะมาปล่อยข่าวลือก็ไม่สำเร็จ ๒. กำจัดเซลล์แปลกปลอม ร่างกายคนเราต้อง สร้างเซลล์ใหม่วินาทีละ ๒๕ ล้านครั้ง แน่นอนว่า ในจำนวนนั้นต้องมีเซลล์ที่ผิดปกติบ้างในการแตกตัว เช่นเดียวกับองค์กรที่รับสมาชิกเข้ามามาก ๆ ก็ต้อง มีสมาชิกที่ผิดปกติปนเปเข้ามาบ้าง คือ เข้ากับ หมู่คณะไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องมีวิธีการบริหารจัดการ ให้ดี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้วิธีวางกรอบวินัย
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More