ข้อความต้นฉบับในหน้า
ครั้งหนึ่งเทวดาทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้า
ว่า “บุคคลให้อะไรชื่อว่าให้กำลัง ให้อะไรชื่อว่า
ให้วรรณะ ให้อะไรชื่อว่าให้ความสุข ให้อะไรชื่อว่า
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า “ผู้ให้อาหาร ชื่อว่าให้
กำลัง”
ให้จักษุ และบุคคลเช่นไรชื่อว่าให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้ให้ผ้า ชื่อว่าให้วรรณะ
ข้าพระองค์ทูลถาม ขอพระองค์ตรัสบอกด้วยเถิด”
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า "ผู้ให้อาหาร ชื่อว่า
ให้กำลัง ผู้ให้ผ้า ชื่อว่าให้วรรณะ ผู้ให้ยานพาหนะ
ชื่อว่าให้ความสุข ผู้ให้ประทีปโคมไฟ ชื่อว่าให้จักษุ
ผู้ให้ที่พักอาศัย ชื่อว่าให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ส่วนผู้ให้
ธรรมทาน ชื่อว่าให้อมฤตธรรม
ผู้ให้อาหาร ชื่อว่าให้กำลัง
อัตภาพของคนเรานั้น จะดำรงอยู่ได้ก็ต้อง
อาศัยอาหาร ขาดอาหารแล้วชีวิตไม่อาจดำรงอยู่ได้
แม้บุคคลจะมีรูปร่างใหญ่โตแข็งแรง มีกำลังมาก
ปานใด หากไม่ได้รับประทานอาหาร ร่างกายก็ขาด
กำลัง ส่วนบุคคลผู้มีกำลังน้อย ถ้าได้รับประทาน
อาหารบริบูรณ์แล้ว ย่อมมีกำลังขึ้นมาได้ ดังนั้น
น่าดู
บุคคลแม้จะมีผิวพรรณดี มีรูปงามเพียงไร
หากแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สกปรก ขาดรุ่งริ่ง ย่อมไม่
ทั้งยังน่าเกลียดและถูกเหยียดหยามได้ ส่วนผู้
ที่นุ่งห่มด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด เรียบร้อย ย่อมดูงาม เป็น
ที่ชื่นชมแก่ผู้พบเห็น ดังนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า
จึงตรัสว่า “ผู้ให้ผ้า ชื่อว่าให้วรรณะ
ผู้ให้ยานพาหนะ ชื่อว่าให้ความสุข
บุคคลที่เดินทางไกล บางครั้งอาจพบกับความ
ยากลำบากจากถนนหนทางที่ขรุขระเป็นหลุมเป็น
บ่อบ้าง ต้องเผชิญกับแสงแดดหรือฝนลมแรงบ้าง
สิ่งต่าง
ๆ เหล่านี้ย่อมทำให้เกิดความทุกข์ หากมี
ผู้ให้ยานพาหนะไว้ใช้สอย ให้อุปกรณ์ในการเดินทาง
เช่น ร่ม รองเท้า หรือคอยถากถางหนทางให้เดินได้