ข้อความต้นฉบับในหน้า
การศึกษาทางโลก ก็มีแต่มาตรการทางวิชาการ แต่ไม่มีมาตรการด้านศีลธรรม
ปัญหาต่าง ๆ จึงเกิดมามากมาย ทุกวันนี้ สังคมจึงได้แต่ปรากฏคนที่มีความรู้ทางวิชาการ
ที่มีพฤติกรรมเสียหาย ซึ่งทางศาสนาแบ่งออกเป็น ๔ กลุ่ม
๑. คนปอกลอก
๒. คนดีแต่พูด
๓. คนหัวประจบ
๔. คนชวนฉิบหาย
มิตรเทียม ๔ พวกนี้เองที่ก่อให้เกิดความเสียหายให้บ้านเมือง
ดังนั้น เมื่อมีมาตรฐานทางวิชาการแล้ว จึงขาดมาตรฐานทางศีลธรรมไม่ได้ มิฉะนั้น
มิตรเทียมจะระบาด ก่อปัญหาต่าง ๆ จนวุ่นวายไปทั้งโลก
สิ่งที่ต้องทำ ก็คือ มาตรฐานวิชาการกับมาตรฐานศีลธรรมต้องไปด้วยกัน
การตีกรอบทางการศึกษาจึงต้องนำมาใช้ควบคู่ไปกับกรอบของศีลธรรม คือ
๑. ไม่ทำความเดือดร้อนให้ตัวเอง
๒. ไม่ทำความเดือดร้อนให้สังคม
๓.
ไม่ทำความเดือดร้อนให้เศรษฐกิจ
สร้างคนดีให้เกิดขึ้นในทิศ 5
ทุกศาสนามีวิธีสร้างคนดี แต่ที่สมบูรณ์ที่สุด คือ ทิศ 5
การตีกรอบไม่ให้ทำความชั่ว ก็คล้าย ๆ กฎหมาย แบบนี้ง่าย แต่ตีกรอบให้คนเป็น
คนดีและช่วยกันสร้างคนดีเป็นเรื่องยาก ถ้าไม่ทำเป็นระบบจะเกิดคนดียาก
แต่แม้จะตีกรอบไม่ให้เลวแล้ว มีระบบที่ดีแล้ว ยังไม่พอ ต้องมีต้นแบบทำให้ดู ต้อง
มาอธิบาย ควบคุมกำกับการ คอยติดตามให้กำลังใจ จนกว่าจะทำได้ตามต้นแบบ
ต้นแบบที่ว่านี้ ชาวโลกเรียกว่า
ครู
เพราะฉะนั้น ครูจึงต้องมี ๒ อย่างอยู่ในตัว
๑.
ต้นแบบความรู้วิชาการ มีความรู้อยู่ในระบบที่ทำมาหากินได้และรักษาสุขภาพ
เป็น เพราะกายคืออุปกรณ์ที่ใช้ในการทำความดีตลอดชีวิต
๒. ต้นแบบความประพฤติหรือต้นแบบศีลธรรม การที่จะเป็นตรงนี้ได้ ครูจะต้องมี
ความรู้ทั้งทางภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติในเรื่องศีลธรรมอย่างครบถ้วน
๒.๑ มีความรู้วิชาการด้านศีลธรรม
๒.๒ มีความรู้ในการฝึกอบรมตนให้มีศีลธรรม
ถ้าไม่ได้นำความรู้ทางศีลธรรมมาควบคุมความรู้วิชาการทางโลก ก็จะนำไปใช้
ในทางที่ผิด เช่น นำความรู้เคมีไปทำระเบิด นำความรู้ในการช่างไปทำอาวุธฆ่าคน
๒.๓ ถ่ายทอดความรู้วิชาการและนิสัยดี ๆ ให้ลูกศิษย์ด้วย
ถ้าไม่ได้ครูบาอาจารย์แบบนี้ จะไม่มีใครแก้ไขมิตรเทียมที่ระบาดปัญหาเลว ๆ อยู่