ข้อความต้นฉบับในหน้า
แม้วิธีจะหลากหลาย
แต่ก็ไปได้บนทางเดียวกัน
การฝึกสมาธิในโครงการนี้ แม้ผู้เข้าอบรมจะเคยฝึกการปฏิบัติมาก่อนหลายรูปแบบและ
หลายวิธีการ แต่เมื่อลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังแล้ว พบว่าสามารถสอดคล้องและดำเนินไปได้
อย่างกลมกลืน อย่างเช่นพระธรรมทายาทบุญรักษ์ คุณธีโร อายุ ๓๖ ปี ตัวแทนพระธรรมทายาท
จากศูนย์อบรมวัดหน้าเกตุ จ.ปัตตานี เล่าว่า
"ตอนอายุ ๒๐ ปี เคยฝึกนั่งสมาธิแบบมโนมยิทธิและเพ่งกสิณไฟ และยังสามารถรักษาศีล ๕
ได้บริสุทธิ์ ฝึกนั่งสมาธิอย่างต่อเนื่องได้ถึง ๔ ปี จิตใจสงบเป็นสมาธิมาก แต่พองานมากขึ้นก็เริ่ม
ห่างจากการนั่ง จนเวลาผ่านไป ๑๐ กว่าปี จึงได้มาบวชและเริ่มนั่งสมาธิอย่างจริงจังอีกครั้งในโครงการนี้
ในช่วงแรกที่เข้าโครงการ ยังนั่งสมาธิตามแบบเดิมที่เคยฝึกมา คือ กำหนดลมหายใจ ให้ลมไหล
เข้าออกตามฐานของกาย และภาวนาพุทโธ ขณะนั่งภาวนาแบบเดิมก็เริ่มคิดว่ามันน่าจะมีอะไรที่
มากกว่าความสงบ จึงเปลี่ยนมาทำตามที่หลวงพ่อสอน คือ ภาวนา “สัมมา อะระหัง” เอาใจมาไว้ที่
ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อัศจรรย์มาก เพราะใจนิ่งเร็วขึ้น สงบง่ายขึ้น สามารถเข้าถึงความสบาย
ได้อย่างง่าย ๆ ถ้าใจยังไม่สงบ ก็จะพิจารณามูลกรรมฐาน เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ
ทวนไปทวนมา แล้วจึงภาวนา “สัมมา อะระหัง” ประมาณ ๒-๓ นาที ร่างกายก็เริ่มเบา ใจขยายได้
เมื่อทำใจเบา ไปเรื่อย โดยไม่คิดอะไร อยู่ ๆ ก็มีดวงแก้วโปร่งใส ในขณะที่เอาใจจรดอยู่กับ
ดวงแก้ว ก็เห็นพระแก้วใสลอยอยู่สูงมาก ค่อย ๆ เอาจิตไปจับเบา ๆ น้อมท่านมาเบา ๆ มาวางไว้ตรง
หน้าตัก แล้วท่านก็เข้ามานั่งสมาธิอยู่ในตัว เป็นพระแก้วใส ...ตอนนี้ไม่ว่าจะนั่ง นอน ยืน หรือเดิน
จะพยายามจรดใจนิ่ง ๆ ไว้ที่องค์พระ และเพียงแค่ระลึกถึงท่าน ก็จะเห็นท่านได้