ข้อความต้นฉบับในหน้า
ภรรยาให้สมเน้น จจะได้เป็นสุข แต่พระองค์กลับตรัสว่า มาฆวามโกรธได้ในนอนเป็นสุข พวกมนุษย์ คิดได้ว่าจริง เราจะไปแก้เหตุข้างนอกมันไม่จบ ต้องแก้ที่ใจเราเอง คำตอบของพระองค์แฉล้ม แจ้ง ยิ่งนัก เหมือนบุคคลหยางของที่ว่าง เปิดของที่วาง จุดประกายไฟในที่มืด บอกทางให้คน หลทาง พวกนิกายบูดขาดบุคคลเลย ตำมาได้เป็นพระองค์นั้นด้วย
วันนั่นเอาน้ำเย็นเข้าฉุ บต้องฉุอย่างนี้ ตรงจุดฉับไกล ๑๘๐ องศาเลย แต่ว่า พลิกให้ดี ไม่ใช่เข้าไปแล้วลูกรับพิษขึ้นมา นักว่าเอาน้ำเย็นเข้าฉุ กลายเป็นนั้นเป็นบีนชิน แบบนี้ก็แย่มเหมือนกัน ฉะนั้นใจแต่ละคนที่ดีแล้วกัน แต่ต่อสอบว่าอย่าไม่งั้นนั้นคำพูดอย่างเดียวต้องเริ่มต้นจากใจของเราต้องเย็นจริง ๆ ให้เย็นจากใจเราสามารถแผ่ไปถึงทุก ๆ คนรอบตัวได้ คำพูดเราจะแสดงคุณภาพอย่างแท้จริง
มีหลักธรรมอะไรอีกบ้างที่ช่วยระงับความโกรธได้?
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงให้หลักในการระงับความโกรธไว้เหมือนกัน ขยายในเชิงปฏิบัติ มากขึ้น ทรงให้เร อง คือ ๑. ให้เจริญเมตตาต่อบุคคลนั้น ๒. เจริญกรุณาต่อบุคคลนั้น ๓. เจริญอโหสิต่อบุคคลนั้น ๔. ไม่สนใจ ๕. ให้คิดว่าเรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เป็นทรายแห่งกรรม มีกรรมเป็นแดนเกิด พูดง่าย ๆ ว่า กรรมใครกรรมคนนั้น
ข้อ ๑ ข้อ ๒ จะอธิบายควบกัน เพราะเรามักจะใช้เมตตามากว่านเมตตามะ คือปรารถนาให้เขาเป็นสุข คือเขายังดี ๆ อยู่แล้ว เราก็อยากให้เขาเป็นสุขอย่างนี้ ๆ กัน กรณา คือเขากำลังลำบากก็อยากให้เขาพ้นจากความลำบากนั้น นี่คือความหมายของกุศลา
วันนั่นเจริญเมตตาดูก่อน ให้เห็นว่านั่นทำให้ใจโกรธนั่น จริง ๆ เขาก็บ่ได้ มักจะมีอีโก้จี้อู้อร่อย เชื่อความเห็นผิดด้วย แบกกรรมต่าง ๆ ไปด้วย เพราะฉะนั้นเจริญเมตตา แทนที่จะนึกว่าย่ำทำกับฉันอย่างนี้ได้อย่างไร สิ่งเตื อกรรมอยู่ที่ความคิด เคยมีบางคนเจอกับเพื่อน คุย ๆ กันเสร็จเรียบร้อยจากกันไป ไม่มีอะไร แต่ม่านกทบพูดว่าเมื่อคุยอะไรขึ้น นึกได้วาเขาว่าเรา ตอนคุยกันไม่นานนั้น รู้สึกหงุดหงิดมาก เจอ กันเมื่อไรจะต้องต่อว่า ยิ่งคัดยิ่งแค้น เห็นไหมว่าว่า ความคิดปรุงแต่งทำให้เกิดอารมณ์อย่างนี้ขึ้นมา แล้วมักจะเป็นลักษณะอีดตัวเองว่าเป็นศูนย์กลาง ว่าวกับฉันอย่างนี้ได้อย่างไร พูดกับเรา อย่างนี้ได้อย่างไร หมื่นศักดิศรีกัน ให้เราสงเกตว่าว่า คนที่พูดกับเรา ทำกับเราแบบเดียวกัน ถ้าหากเป็นคนระดับโกฏ ๆ กัน บางทีเราโกรธ แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่มาก ๆ หรือเป็นคนที่เราเคารพนับถือ เราก็ปล่อยวาง ลีสู้ว่าไว้ได้เลย มันอยู่ที่การคิดปรุงแต่งของเรานั้นเอง และถ้าเป็นคนที่กำลังหวังจะได้รับประโยชน์จากเขา จะพูดอย่างไรเรานี่ได้หมด อามนีดีหมด ขออย่างเดียวคุณช่วยหน่อยแล้วกัน
วันนั้นทั้งหมดมันอยู่ที่จิตของเราที่จะคิดปรุงแต่งไปทางด้านใดเท่านั้นเอง แต่การคิดอย่างนี้จะมีปัญหาได้เยอะ ถ้าเราคิดใหม่ว่า คนที่เขาทำอย่างนั้น ผลจะเกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะฉะนั้นแทนที่จะเอาไปโกรธา กลับเห็นใจเขา เจริญเมตตาในตัวเขา ถ้าเขาทำอย่างไดแล้วสบายใจ พูดแล้วสบายใจ ปล่อยเขาไปก็ได้ เราไม่ต้องอะไรมาใส่ ก็ไม่คิดอะไรของก็ไม่มีปัญหา คำพูดที่เสีย ๆ ของเขาที่พูดออกมาเหมือนคนที่จะออกมาย มันไม่มีเลย แต่บังคับเขาสบายตัว ก็ให้เขาบายดิเยอไปใส่ เจริญเมตตาในตัวเขา หรือคิดในทางสงสารเขาว่าทำอย่างนี้จะมีบาปกรรมติดตัว