ข้อความต้นฉบับในหน้า
๒
ปกิณกธรรม
เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ. ๙
ลอยกระทง : ลอยกิเลส
บุญอันเลิศย่อมเจริญแก่ผู้เลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เลิศ
อายุ วรรณะ ยศ เกียรติ ความสุข และพลานามัยย่อมเจริญแก่บุคคลนั้นด้วย
อยู่ใหญ่
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นเอกบุรุษ อุดมเลิศ
ไปด้วยวิชชาและจรณะ เป็นบุคคลผู้ประเสริฐที่สุด
ในภพสาม ทรงมีพระสัพพัญญุตญาณที่ไม่มีศาสดา
ใดจะยิ่งกว่า พระพุทธองค์ทรงรู้แจ้งโลกและเทวโลก
พร้อมทั้งพรหมโลก อานุภาพของพระพุทธองค์
มีมากมาย ดังนั้น เมื่อเราหมั่นสอดส่องใจไปถึง
พระผู้มีพระภาคเจ้าและบูชาพระพุทธองค์ แม้จะทรง
มีพระชนม์ชีพอยู่หรือว่าดับขันธปรินิพพานไปแล้ว
อานิสงส์ผลบุญก็เหมือนกัน เราจะได้บุญอย่างเกิน
ควรเกินคาด สามารถปิดอบายไปสวรรค์ มีความสุข
ในปัจจุบันกันทีเดียว
โดยเฉพาะในช่วงนี้ ชาวไทยได้ปรารภเหตุ
วันลอยกระทง ซึ่งถือว่าเป็นประเพณีที่ดีงามสืบทอด
ติดต่อกันมายาวนานตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยที่เรียกว่า
ลอยประทีปหรือลอยโคม เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา
หรือบูชารอยพระบาท ณ ลุ่มน้ำนัมมทานที ประเทศ
อินเดีย ซึ่งมีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกว่า
รอยพระพุทธบาท ณ ริมฝั่งนัมมทานที
สมัยหนึ่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็นว่า
พญานาคนัมมทาเป็นผู้มีจิตเลื่อมใสในพระพุทธองค์
แม้ทรงทราบว่าพญานาคเป็นเพียงเดรัจฉานที่มี
อานุภาพมาก ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ในปัจจุบันนี้
แต่ก็ทรงมีมหากรุณาเสด็จไปโปรดที่บาดาลพิภพ
เพื่อจะได้เป็นอุปนิสัยในการบรรลุธรรมในภพชาติ
ต่อไป เมื่อพระองค์เสด็จไปพร้อมพระสงฆ์หมู่ใหญ่
พญานาคราชก็ปีติยินดีรีบแปลงร่างเป็นมาณพหนุ่ม
สวมใส่อาภรณ์งดงามประดุจเทพบุตรบนสวรรค์ ขึ้น
มาจากนาคบาดาล มาทำการต้อนรับพระพุทธองค์
แล้วนำเสด็จเข้าสู่นาคพิภพ
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมโปรด
พญานาคและเหล่านาคบริวาร ให้รักษาอุโบสถศีล
และให้ยึดพระรัตนตรัยเป็นสรณะ จากนั้น พอจะ
เสด็จออกจากนาคพิภพ พญานาคทูลอ้อนวอนว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์จงประทานสิ่งที่
ควรสละแก่ข้าพระองค์สักอย่างด้วยเถิด สิ่งที่
พระองค์ทรงมอบให้จะได้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
ของข้าพระองค์ทั้งหลาย
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอธิษฐานจิต พลาง
แสดงเจดีย์ คือ รอยพระบาทไว้ ณ ริมฝั่งแม่น้ำ
นัมมทา ซึ่งตามปกติของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงมี
พระฉวีวรรณละเอียด สถานที่ที่ทรงเหยียบย่ำไปเป็น