ข้อความต้นฉบับในหน้า
๑๐๗
คำถามที่หลวงพ่อถามเหล่านี้ ฟังเพลิน ๆ เหมือนการสนทนาทักทายทั่วไป
แต่ทว่า นี่คือขั้นตอนหนึ่งที่หลวงพ่อกำลังฝึกลูก ๆ ทุกคนในการเหลาใจ
การเหลาใจก็เพื่อเหลาให้ใจยึดเกาะกับสิ่งที่เราต้องการ อย่างให้เกาะเกี่ยวกับดวงใส ๆ หรือ
องค์พระ เพื่อไม่ให้ใจที่ซัดส่ายไปเกาะเกี่ยวกับสิ่งอื่น
การเหลาใจเป็นการเตรียมความพร้อม ถ้าเปรียบเป็นนักกีฬา ก็เป็นเหมือนกับการฟิตซ้อม
ร่างกายให้แข็งแรงก่อนที่จะลงสนามแข่ง แต่สำหรับนักปฏิบัติธรรม คือการซ้อมใจให้พร้อมเพื่อ
ลงสนามทางใจในการทำหยุดทำนิ่ง
ผมพยายามอธิบายกับตัวเองว่า แล้วทำไมหลวงพ่อถึงให้ความสำคัญและต้องการให้ผมหมั่นเหลาใจ
อยู่เรื่อย
อย ๆ
เป็นไปได้ว่า ถ้าเราจะวาดภาพสักภาพหนึ่ง ขั้นตอนเล็ก ๆ ที่ต้องเริ่มต้นลงมือทำอันดับ
แรก คือ การเหลาดินสอ
ๆ
การจะเริ่มวาดภาพ ก็คงต้องเริ่มต้นจากการเตรียมอุปกรณ์ในการวาดภาพให้พร้อม
เช่นกันกับภาพภายในที่จะปรากฏแจ่มชัดได้นั้น เราต้องเหลาใจเตรียมไว้ให้พร้อม
ถ้า ใจ เปรียบเหมือน ดินสอ
ดินสอใจของเราแท่งนี้ ก็เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับการปฏิบัติธรรม ที่เราต้องเหลาให้แหลม
ให้คมอยู่เสมอ เพื่อจะได้เข้ากลางได้คล่อง ๆ
และเมื่อเราเตรียมอุปกรณ์จนพร้อมและเริ่มลงมือวาด ขณะที่เราวาดภาพไปเรื่อย ๆ ปลาย
แหลมของดินสอจะหดสั้นและค่อย ๆ ลง
ภาพที่ใช้ดินสอยู่ ๆ วาด จะได้ลายเส้นที่ซื่อ ๆ หยาบใหญ่ และไม่คม
หากฝืนวาดต่อไป ภาพที่ได้ก็เป็นภาพที่มัว ๆ เลือนราง ไม่คมชัด
ถึงตอนนั้นเราจึงต้องกลับมาเริ่มต้นเหลาดินสอกันใหม่
ๆ
มิน่า หลวงพ่อถึงบอกให้หมั่นเหลาใจไว้เสมอ ๆ เพราะขั้นตอนนี้มีความสำคัญยิ่งที่จะมอง
ข้ามไปไม่ได้เลย
ผมชอบคำแต่ละคำที่หลวงพ่อนำมาใช้สอน เพราะเป็นคำที่สั้นกระชับ เข้าใจง่าย เข้ากับยุคสมัย
และวัยของผู้ฟัง
ที่สำคัญคำที่หลวงพ่อเลือกมาใช้นั้น ฟังแล้วชวนให้ทำตาม
อย่างคำว่า เหลาใจ คำนี้กระตุ้นให้เราเกิดสนุกและอยากเหลา เพราะยิ่งถ้าเราสามารถ
เหลาให้แหลมให้คมได้เหมือนเข็ม เราก็จะสามารถแทงทะลุทุกอย่างได้หมด ความละเอียดของใจ
อยู่ลึกถึงไหน เราก็สามารถแทงไปถึงได้จนสุด