ข้อความต้นฉบับในหน้า
หากผู้ใดปฏิบัติตนให้เป็นคนสมตามสมควรปลาย ต่อหน้าขอรับหลังก็อย่างนั้น และมั่นใจในการทำความดี ยินดีที่จะปิดทองหลังพระ บุคคลประเภทนี้จะหนักแน่นมั่นคงเหมือนบุญฯ ใครจะติชมินทว่ายังไง จิตใจไม่หวั่นไหว แม้อยู่กลางวิบัติหรืออยู๋ทางกลางธุ์ตรูไม่หวั่นเกรงภัยใด ๆ ทั้งสิ้น
บุคคลประเภทนี้ หากได้ดีก็จะไม่มีมลทิน เพราะทราบดีถึงเป้าหมายของการทำงานนั้น ๆ ว่าเพื่อเป็นการสร้างความดี สร้างบุญกุศล เขาจะมีแต่ความเจริญก้าวหน้า ไม่มือลอยหลังแต่หากบุคคลใดกระทำตัวเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก แสดงว่าเขาขาดคุณธรรม ๒ ประการคือ
๑. ขาดความกตัญญูรู้คุณ
๒. ขาดความวิริยะ อุตสาหะ
บุคคลเช่นนี้ไม่ควรคบหา ด้วย หลวงพ่อเคยมีกาเพื่อนบางคนที่แต่งงานของพ่อแม่เขา เข้ายืนหน้าไหว้หลังหลอกได้ เพื่อประโยคนี้ไม่ควรคบ เพราะคนเราด่อหน้าเช่นใด ลับหลังก็ควรเป็นเช่นนั้น
ในพระไตรปิฎก หมวดวณิชปิฎก มหาวรรค มหานิธน๎ ได้กล่าวถึงพระสาริษบตรว่า เมื่อได้บรรลุธรรมขั้นแรก ได้เป็นพระโลภดับ เพราะได้รับเทศน์จากพระอัสสชิ ซึ่งเป็นพระปัญจวัคคีย์องค์สุดท้าย พระอัสสชิเทสนั้น ๆ ว่า
"ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตตรงแจงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น"
เพียงพระอัสสชิเทสนั้น ๆ เท่านั้น พระสาริษบตรก็เข้าถึงธรรมกายพระโลดา บรรลุเป็นพระโลถาบัน ตั้งแต่นั้นมา ก่อนเข้านอนทุกคืน พระสาริษบตระต้องนั่งเข้าที่ตรวจดูถ่ายทอดนี้ พระอัสสชิอยู่ที่ใด เมื่อทราบแล้ว ท่านจึงว่าขึ้นพระอัสสชิเลย จะไม่ยอมนั้นเท่าไปทางที่พระอัสสชิเย็นอยู่เป็นแน่ ๆ ไม่ว่าพระอัสสชิจะทราบหรือไม่ก็ตาม ท่านจะให้ความเคารพูชา พระอัสสชิโตยตลอดทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ฉะนั้น บุคคลที่หน้าไหว้หลังหลอก นอกจากจะกลายเป็นคนขาดความกตัญญูไม่รู้คุณท่านยังจะกลายเป็นคนที่หย่อนในความเพียรอีกด้วย ใครที่เป็นเช่นนี้ก็ขอให้แก้ไขปรับปรุงตัวเองเสีย
(อ่านต่อฉบับหน้า)