ข้อความต้นฉบับในหน้า
พ่อและแม่จึงได้ชื่อว่าเป็นทุกสิ่งของลูก
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "ถ้าบุคคลจะพึงบังเกิดมาดาไว้บนบั้นของของตน ประคับประคองท่านอยู่บนบั้นนั้น ปอข้าวปอฉัน และให้ท่านถ่ายอุจจาระบาสะบนบั้นนั้น แม้บุตรจะมีอายุกี่ร้อยปี และปรนเปนิบัติท่านไปจนตลอดชีวิต ก็ยังนับว่าตอบแทนพระคุณท่านไม่หมด"
เมื่อพ่อแม่มีพระคุณมากมายปานนี้ ลูกจึงควรมีจิตอบรมต่อท่าน คุณธรรมของลูกเริ่มที่รู้จักพระคุณของพ่อแม่คือ กตัญญู คือ รู้ว่าท่านดีต่อเราอย่างไร สูงขึ้นไปอีกคือ ตอบแทนคุณท่าน(กตเวที) ลูกที่ดีจึงต้องมีจิตกตัญญูและกตเวทีตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ทั้ง ๒ สิ่งนี้คือคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นลูก
กตัญญู หมายถึง เห็นคุณค่าของท่านคือ เห็นด้วยใจ ด้วยปัญญา ว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณต่อเราอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่มองปากท้องพระคุณพ่อแม่ป่าว ๆ ไปเท่านั้น พระคุณของพ่อแม่ได้จากอุปการะ คือประโยชน์ที่ท่านทำแก่เรา ซึ่งต่างจากคนอื่นคนทั่วไปเมื่ออุปการะใคร เขาจะต้องเห็นทางได้ เช่น เห็นหลักทรัพย์ หรืออุปสรรคเมื่อใดแล้วว่า อุปกรณ์ของเขาจะไม่สูญเปล่า จึงลงมือช่วยเหลือ แต่พ่อแม่อุปการะเรานั้น เป็นการอุปการะโดยบริสุทธิ์ใจจริง ๆ ไม่ได้มององค์ประกอบใด ๆ เลย เราเองเกิดมา ตัวเปล่า ไม่มีทรัพย์แม้แต่เมล็ดเดียวและยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะร่างกายจะใช้ได้ครบถ้วนหรือไม่ ยิ่งสังเกตดูแล้วซึ่งในใจก็จะเป็นอย่างไร จะถกเถียงหรือไม่ ไม่รู้พลัน หนังสือสมบญรับปาก สักตัวเดียวระหว่างเรากับท่านก็ไม่มี แต่ท่านก็ยังโงมตัวเข้าช่วยเหลือเราจนสุดชีวิต ที่ยากจนก็กับกู้ยืนสินคอคนอื่นมาช่วย เรื่องเทส่านั้นคิดดูด้วยเหตุผล อย่าสักแต่คิดดูด้วยอารมณ์เท่านั้น การพิจารณาให้เห็นคุณของพ่อแม่ด้วยใจอย่างนี้เรียกว่า กตัญญู ซึ่งเป็นคุณธรรมเบื้องต้นของผู้เป็นลูก ยิ่งพิจารณาเห็นพระคุณของท่านมากเท่าไร แสดงว่าใจของเราเริ่มใสและสว่างมากขึ้นเท่านั้น
กตเวที หมายถึง การเทวนพระคุณของท่าน ซึ่งมงานที่ก่อทำ ๒ ประการ คือ
๑. ประมาณคุณท่าน
๒. ตอบแทนคุณท่าน
การประกาศคุณท่าน หมายถึง การทำให้ผู้อื่นรู้ว่าพ่อแม่ต่อเราอย่างไรบ้าง มากน้อยเพียงใด เรื่องนี้มีคนคิดทำอยู่มากเหมือนกัน แต่ส่วนมากไปทำคอนงานตพ คือ เขียนประวัติสิทธิสรเสริญพระคุณพ่อแม่ในหนังสือแจกงานศพ การทำเช่นนี้ก็ดี แต่ถ้าดูเพียงเปลือกนอกอไร ถ้าเป็นการกินผลไม้ก็แค่เคี้ยวเปลือกเท่านั้น สิ่งที่จะประกาศคุณพ่อแม่ได้ดีว่าก็คือ เนื่องในวันเดียว คนเราทุกคนคือผู้แทนของพ่อแม่ตนทั้งนั้น เลือดก็แบ่งมาจากท่าน เนื้อก็แบ่งมาจากท่าน ตลอดจนสายในใจคอก็ได้รับการอบรมถ่ายทอดมาจากท่าน ความประพฤติของตัวเรา นี้แหละ จะเป็นเครื่องประกาศคุณพ่อแม่อย่างใจแจ้งที่สุด ไม่ใช่อยู่ที่หนังสือประกาศไม่ใช่อยู่ที่พนบเกิดตะกอน แต่อยู่ที่ตัวเรา นี้เอง หากพิมพ์ข้อความในหนังสือประกาศงานพวก็ คุณพ่อคุณแม่เป็นคนดั่งอยู่ในศีลในธรรม แต่ตัวเราเองธรรมะเทเมา โกงคนอื่นทุกครั้งที่มีโอกาส ศีลขอเดียวก็ไม่สนใจรักษาอยู่ดีนั่นคือคุณค่าของการสรรเสริญพ่อแม่ ก็ลดน่านึกลงกลายเป็นว่ามอบหน้าที่ในการ