ข้อความต้นฉบับในหน้า
ซึ่งเป็นเพื่อนกัน ต่างก็ได้ยังความปรารถนา แล้วทั้งสองก็ได้มาเกิดเป็นพระนาคเสนและพระยามณีตามความปรารถนาของตน
๒. ฉบับลึกกล่าวว่า พระโรรักษะได้รับมอบหมายจากพระอัสสุตตะ เนื่องจากท่านไม่ได้ไปอาราธนามาเสนเทพบุตรตรงลงมาจัด พร้อมกับมุ่งสูงส์ พระอัสสุตตะกำหนดหน้าที่ให้พระโรหณะเดินทางไปยังบ้านนิดามาดาของนาคเสน เพื่อบำบัดเป็นประจำ ณ ที่นั้นเป็นเวลา ๗ ปีครึ่ง เพื่อเนาคเสนออกจากชีวิตมารวาสและให้ราชปลอมบแกเขา ในฉบับภาษาจีน นาคเสนิงเมืองคนหนึ่งชื่อว่าโลหันซึ่งเป็นพระอรหันต์ และบรรพชานากเขียนให้เป็นลมแณ พระโลหันในที่อ้อมได้ว่าแก่ก็นานเลนต์ และบรรพชานาเชี่ยนให้เป็น ลามณี พระโลหันในที่อ้อมได้ว่าแก่ก็ตามพระโรรรักษ์
๓. ฉบับลิซกล่าวว่า พระนาคเสนได้อยู่จำพรรษา ๓ เดือน ในความปกครองของพระอัสสุตตะผู้เป็นพระอรหันต์ สง่าคมอยู่ที่วัดตนียะ ในฉบับภาษาจีน พระนาคเสนอาศัยอยู่ในวัดชื่อว่าโอชัน ซึ่งมีพระอรหันต์อาศัยอยู่ ๕๐๐ รูป โดยมีพระอาไปเยี่ยมเป็นเจ้าาวาส วัดตนียะก็เทียบได้กับวัดโอชัน และพระอรหันต์อัสสุตตะก็เทียบได้กับพระอรหันต์ต่อไปเยี่ยม
๔. ในฉบับลาซ พระนาคเสนสอนพระอธิธรรมแก่ศิษย์อุบาสกา และแล้วทั้งพันและผู้ฟังบริสุทธ์บ่น เป็นที่พอใจของพระอัสสุตตะซึ่งได้กล่าวว่า พระนาคเสนยิงดอกเดียวได้ นก ๒ ตัว ในฉบับภาษาจีน พระนาคเสนสอนธรรมแก่ศิษย์อุบาสกา และแล้วทั้งสองก็ได้บรรลุอุโปรดบัน พระนาคเสนได้รับการอวสรรคจากพระอัปปิยว่าวิ่งศรดอกเดียวได้ นก ๒ ตัว
จากข้อเปรียบเทียบด้านต้น ทำให้ผลงานของท่านตี ตินิ เบส สุขว่า ต้นฉบับของทั้งบาลีและจีน นำมาจากต้นฉบับเดิมกัน แต่ของบาลีลูกแต่งเสริมขึ้นในสมัยต่อมาโดยปราณาจารย์เพื่ออธิบายข้อมูลเพิ่มเติม
ความเกี่ยวเนื่องกับธรรมาย สำหรับในฉบับบาลีสาที่พิมพ์โดยสมาคมบาลีปรกนั่น พบว่าในหน้าที่ ๗๓ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการถามที่อยู่องพระพุทธเจ้าในพนาน (พุทธสนปัญหา) มีการกล่าวถึงคำว่ารวมาย (ธมุมาย) ได้ดังนี้
ราชา อาน ต้องเน นาคเสน, พุโธ อติฏดี?. "อาม, มหาราช, ภควา อติฏดี ๆ
"สุกา ป น, ภณิต นาคเสน, พุโธ นิษสุดด อิอ ว อิอ วาติโ"
"ปริสพุโต, มหาราช, ภควา อนุปาปิสสาย นิพพานถวาย, น สุกา ภควา นิษสุดด" อิอ ว อิอ วาติ "โอมมะ โภทีติ ๆ
ติ กี มูเฎสิ, มหาราช, มุต โต อคี้กูนบูล สลามูล สะ ยา อุตตฺตโถว,
สุกา สา อาจิ ทุลสุด ซีอ วา อิอ โว วาติ "น อิ, ภณิต, นิฏฐา สา อาจิ อุปปนฺฎติ คตาติ ๆ
"เอวมะ โบ มหาราช, ภควา อนุปาปิสรา นิพพานาถูยา ปริณทวิโด อตุญคโต,"