การพรรณนาและการแบ่งประเภทของมหานรกในพระพุทธศาสนา นรกภูมิในไตรภูมิ-พระมาลัย: ความสัมพันธ์กับคัมภีร์สำคัญ ทางพุทธศาสนา หน้า 16
หน้าที่ 16 / 42

สรุปเนื้อหา

เนื้อหานี้สำรวจลักษณะของมหานรกและการแบ่งประเภทที่ปรากฏในไตรภูมิ-พระมาลัย ซึ่งมีชื่อของมหานรกที่ตรงกับพระไตรปิฎกและคัมภีร์ต่างๆ นรกถูกมองว่าเป็นที่อยู่ของผู้กระทำชั่ว แบ่งออกเป็นหลายขุม เช่น สัญญานรก, ภาพสุทธนรก, และโรรุวานรก โดยมีการอธิบายลักษณะของมหาโรรุวานที่มีความเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงการเสวยทุกขระของสัตว์นรกต่างๆ ที่แสดงถึงผลกรรมที่ตามมาในแต่ละกรณี. เนื้อหาเตือนใจถึงผลของการกระทำตลอดจนชี้ให้เห็นถึงกรอบคิดที่สำคัญในความเชื่อของพระพุทธศาสนา.

หัวข้อประเด็น

-การพรรณนามหานรก
-ประเภทมหานรกตามไตรภูมิ-พระมาลัย
-คำสอนในพระไตรปิฎก
-ผลกรรมและการเสวยทุกขระ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ธรรมวาธา วารสารวิชาการทางพระพุทธศาสนา ปีที่ 6 ฉบับที่ 2 (ฉบับรวบรวมที่ 11) ปี 2563 76 จากตรางที่ 1 แสดงให้เห็นว่า การพรรณาถึงสภาพของมหานรกและชื่อมหานรกขุมต่างๆ ในไตรภูมิ-พระมาลัย มีลักษณะร่วมกับคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา คือ พระไตรปิฎก เทวทูตสูตร, สังกัจจัตต and คัมภีร์โลวกัทฉปก ดังนี้ นรกเป็นที่อยู่แห่งผู้กระทำชั่ว ลักษณะของมหานรกมิสมบูรณ์เป็นสีเหลี่ยม มีฝาปิดครอบไว้ทุกด้านมีไฟลูกโซ่ลงตลอดเวลา โดยไตรภูมิ-พระมาลัย มีชื่อของมหานรกตรงกับคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา จำนวน 6 ขุม คือ สัญญานรก ภาพสุทธนรก สังฆนรก โรรุวานรก (ฉลากและอุรม) ดานนรกและอเวจีมหานรก และไม่ปรากฏมหาโรรุวานรกและมหาตานรกเหมือนกับคัมภีร์อื่น ในไตรภูมิ-พระมาลัย แบ่งโรรุวานรกออกเป็น 2 ขุม คือ ชาลโลร-วนรก (นรกดอกบั่บเหลิกแดง) และ ฌานโรรุวาน (นรกควัน) ซึ่งไม่ปรากฏทั้งในพระไตรปิฎกและคัมภีร์ชั้นรอง แต่ปรากฏเนื้อหาของการเสวยทุกขระของสัตว์นรกในมหาโรรุวานในไตรภูมิไล้วนิฉยกู ว่า สัตว์นรกในมหาโรรุวานนี้แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ 1) พวกที่เกิดในดอกบั่บเหลิกแดงที่ต้องสวยกรรมด้วยส่วนหัวและส่วนเท้าเข้าไปอยู่ในดอกบั่บ จะไฟลูกจากด้านล่างขึ้นด้านบนไหม้สัตว์ร่านนั้น บุพกรรมเคยดีหัวสัตว์หรือคน 2) พวกที่มีควันห่อหุ้มตัว ควันเหล่านี้จะไหลเข้าสู่วารทั้งหมด 9 ให้สัตว์นรกมีความทุกข์ยิ่ง บุพกรรมเคยใส่ไฟให้ดวงเข้าไปในปล่อง เช่นหนู งู แล้วอวิรุค อย่าจ่องดีสัตว์นี้20 _______________________ 20 พระยาธรรมปรีชา (แก้ว), ไตรภูมิเล่มฉบับฉบับ 2 (ไตรภูมิลับ หลวง) เล่ม 2 (กรุงเทพมหานคร: กรมศิลปากร, 2520), 116-118.
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More