วันวิสาขบูชาทั่วโลก วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน มิถุนายน พ.ศ.2549 หน้า 16
หน้าที่ 16 / 88

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาพูดถึงความสำคัญของวันวิสาขบูชาที่ควรเป็นวันเดียวกันสำหรับทุกคนทั่วโลก เพื่อให้พุทธบริษัททั้งสี่มีความเป็นหนึ่งเดียวและถือปฏิบัติตามพระพุทธสาสนาในทิศทางเดียวกัน โดยย้อนประวัติศาสตร์ไปที่การประสูติและการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมแสดงให้เห็นว่าทรงบำเพ็ญพุทธกิจเพื่อโปรดสัตว์อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตลอด ๔๕ ปี ก่อนเข้าสู่การดับขันธ์ เป็นวันที่สำคัญมากในวงการพุทธศาสนา ตลอดจนแสดงธรรมองศาให้แก่เหล่าสัตว์ในยามต่างๆ

หัวข้อประเด็น

-บทบาทของวันวิสาขบูชา
-ประวัติการเกิดของพระพุทธเจ้า
-การตรัสรู้และการสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
-การบำเพ็ญพุทธกิจตลอดชีวิต
-ความสำคัญของการเป็นหนึ่งเดียวในพุทธบริษัท

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ทั่วโลก ควรจะให้วันวิสาขบูชาตรงกันวันเดียว ทั่วโลก เพราะเรามีพระบรมศาสดาองค์เดียวกัน ทั่วโลกจะได้ยึดถือ และปฏิบัติให้เป็นไปใน ทิศทางเดียวกัน เพราะพุทธบริษัททั้งสี่ต้องเป็น หนึ่งเดียวกันเหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว เมื่อย้อนประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา ไปก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี ในวันเพ็ญเดือน ๖ ซึ่งตรงกับวันศุกร์ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีจอ ครั้งนั้น พระพุทธมารดาทรงพระครรภ์แก่จวนจะประสูติ ทรงได้รับพระบรมราชานุญาตให้แปรพระราชฐาน ไปประทับ ณ กรุงเทวทหะ ซึ่งเป็นพระนครเดิม ของพระนาง เพื่อเสด็จไปให้การประสูติยัง ตระกูลเดิม ตามขัตติยประเพณีนิยมในสมัยนั้น ขณะทรงแวะพักผ่อนพระอิริยาบถ ใต้ต้นสาละ ณ สวนลุมพินีวัน พระนางก็ทรงให้การประสูติ พระราชโอรสผู้มีบุญญาธิการมาก ทรงพระนามว่า เจ้าชายสิทธัตถะ ซึ่งแปลว่า สมปรารถนา หมายความว่า เป็นผู้บังเกิดมาเพื่อสร้างความ สมปรารถนาให้แก่ชาวโลกและสรรพสัตว์ทั้งหลาย เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงเจริญวัย ก็ได้ ศึกษาความรู้จากครูที่เลิศที่สุดในแผ่นดินในยุคนั้น ทรงใช้เวลาศึกษาเพียง ๗ วัน ก็สามารถเรียนรู้ จนหมดภูมิรู้ของครูทั้งหลาย เพราะพระองค์ ทรงถึงพร้อมด้วยพระปัญญาธิคุณ ทรงพิจารณา เห็นว่า ความรู้ในทางโลกไม่สามารถจะช่วยให้ พ้นทุกข์ได้ ต่อมาจึงทรงออกผนวชเพื่อแสวงหา โมกขธรรม จนลุถึงวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน 5 ก็ได้บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ร่มพระศรี มหาโพธิบัลลังก์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบล อุรุเวลาเสนานิคม ในยามต้น พระองค์ได้เข้าถึง ธรรมกายพระโสดาบัน ทรงบรรลุ "ปุพเพนิวา สานุสสติญาณ” คือ ทรงระลึกชาติหนหลังใน ครั้งอดีตได้ ในยามที่สอง ได้เข้าถึงธรรมกาย พระอนาคามี ทรงบรรลุ "จุตูปปาตญาณ” คือ การรู้แจ้งเห็นแจ้งการเกิดและดับ เห็นการเวียน ว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย และในยาม ที่สาม ทรงบรรลุ "อาสวักขยญาณ” ทรงสามารถ กำจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไปได้ และได้ตรัสรู้ เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้น วันนี้ จึงเป็นวันที่ทำให้มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิด ขึ้นในโลก ซึ่งก็ตรงกับวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน 5 อีกเช่นกัน หลังจากที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้แล้ว ก็ ทรงนำเอาความรู้อันบริสุทธิ์มาสั่งสอนเวไนยสัตว์ ด้วยพระเมตตา และพระมหากรุณาธิคุณ ตลอด ระยะเวลา ๔๕ พรรษา ทรงบำเพ็ญพุทธกิจ โปรดสรรพสัตว์ตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ ทรงตรวจตรา ดูสัตว์โลกผู้มีบุญ ที่มีอุปนิสัยจะได้บรรลุธรรม ในยามเช้า เสด็จออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ผู้ควร จะได้ตรัสรู้ ที่ทรงเห็นในข่ายพระญาณ พอตอน บ่ายก็ทรงแสดงธรรมแก่มหาชนที่มาเข้าเฝ้า ใน ยามเย็น ทรงประทานโอวาทแก่ภิกษุสงฆ์ ยาม เที่ยงคืนก็ทรงพยากรณ์ปัญหาแก่เทวดา พรหม และอรูปพรหม ตลอดจนแสดงธรรม และตอบ ปัญหาให้กษัตริย์ที่มาเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ โดยพุทธจริยาดังที่กล่าวมานี้ เราจะเห็นว่า พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้ไม่ว่างเว้นจากการสร้าง บารมีเลย จึงทรงเป็นต้นบุญต้นแบบที่ประเสริฐ สุดของมนุษย์และเทวาทั้งหลาย พระองค์ทรง บำเพ็ญพุทธกิจที่งดงามทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย จวบจนกระทั่งถึงวาระสุดท้าย เมื่อพระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา ทรงประทับ จำพรรษา ณ เวฬุวคาม ใกล้เมืองเวสาลี แคว้น วัชชี ในระหว่างนั้นทรงพระประชวร เมื่อถึงวันเพ็ญ เดือน ๖ พระพุทธองค์ก็มุ่งเสด็จไปยังเมืองกุสินารา ๑๔
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More