ข้อความต้นฉบับในหน้า
คนที่อิจฉาใครไม่เป็นนั้น นอกจาก
ใจจะไม่แคบเพราะความอิจฉานั้น
ในทางตรงกันข้ามแล้ว ก็กลาย
เป็นคนที่ขวางการทําความดีใคร
ไม่เป็น
ส่วนผู้ที่เขามีสิ่งดีๆ อย่างนี้ ทั้งรูปสมบัติ
ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติ ก็เพราะเขาตั้งใจ
ทำความดีของเขามา ถ้าเขานำไปใช้ทำความชั่ว
ชีวิตหลังจากนี้อาจจะแย่ยิ่งกว่าที่เราเคยเป็นมา
แต่ถ้าเขานำไปทำความดี ชีวิตของเขาก็จะดียิ่งๆ
ขึ้นไปกว่านี้
คนที่อิจฉาใครไม่เป็นนั้น นอกจากใจจะไม่
แคบเพราะความอิจฉานั้น ในทางตรงกันข้ามแล้ว
ก็กลายเป็นคนที่ขวางการทำความดีใครไม่เป็น
นอกจากขวางไม่เป็นแล้ว ถ้าเห็นใครทำความดีแล้ว
จะรีบเข้าไปมีส่วนร่วมในการทำความดีทุกครั้ง
เพราะรู้แล้วว่าความดียิ่งทำมากเท่าไหร่ ยิ่ง
เพิ่มพูนความดีให้แก่ตนเองมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อเราคิดได้อย่างนี้แล้ว จะไม่โลภอยากได้
ของใคร และจะอิจฉาใครไม่เป็น เพราะรู้แล้วว่าผลดี
ผลชั่ว ที่เกิดขึ้นแก่ตัวเราทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับความ
ตั้งใจทำความดีของเราเท่านั้น
ชาตินี้ตั้งใจฝึกให้มีธรรมะฝังแน่นอยู่ในใจ
ให้ได้ ฝึกแล้วฝึกอีกยังไม่พอ ต้องดูว่าใครที่ฝึกได้
ดีกว่าเรา เข้าใจธรรมะมากกว่าเรา ก็ให้ติดตาม
สร้างความดีกับบุคคลนั้นไป เมื่อมองภาพนี้ชัดแล้ว
ก็จะเอาตัวรอดได้ ไม่หลุดไปจากปฏิรูปเทส
และเส้นทางการสร้างบารมีดั่งเช่นพระพุทธองค์
อย่างแน่นอน นั่นก็เพราะว่าเราอิจฉาใครไม่เป็น
๓) ต้องทุ่มชีวิตสร้างบารมี
ความหมายของคำว่า บารมี มี ๒ นัย
นัยที่ ๑ บารมี หมายถึง นิสัยการเอาชีวิต
เป็นเดิมพันในการทำความดี เพื่อแก้ไขสันดาน
ไม่ดีที่เป็นโปรแกรมข้ามชาติติดตัวมา ให้กลาย
เป็นนิสัยที่ดีเยี่ยม
นัยที่ ๒ บารมี หมายถึง บุญที่มีคุณภาพ
พิเศษๆ เพราะเป็นบุญที่เกิดจากการทุ่มชีวิตเป็น
เดิมพันในการทําความดี
คำถามที่ถามว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
บังเกิดขึ้นนับพระองค์ไม่ถ้วนแล้ว ทำไมเราจึงยัง
งุ่มง่ามติดอยู่ในวัฏสงสารนี้ ก็เพราะเราเกิดมาเจอ
ปฏิรูปเทส ๔ ก็ไม่รู้จักว่าเป็นปฏิรูปเทส ๔ เกิดมา
เจอบุคคลที่เป็นสัมมาทิฏฐิก็ทำเฉยเมย ไม่ว่าท่าน
จะทำอะไรก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของท่าน เราก็ไม่
เข้าไปหา ไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ทำให้ห่างจากบุคคล
ที่ธรรมะฝังแน่นประจำใจออกไปเรื่อยๆ
เมื่อห่างกันไปเรื่อย ๆ สิ่งที่ขาดไปจากชีวิต
ก็คือ นิสัยทุ่มชีวิตสร้างความดีในระดับที่สามารถ
ปราบกิเลสในตัวได้เด็ดขาด สามารถบรรลุธรรม
เป็นพระอรหันต์
เมื่อขาดนิสัยทุ่มชีวิตทำความดี ก็เท่ากับว่า
๑๖ ๓๒