ข้อความต้นฉบับในหน้า
ที่เราจะมีธรรมะเป็นหลักยึดประจำใจไปได้ตลอด
รอดฝั่ง ไม่ใช่แค่การศึกษาพระธรรมคำสอนของ
พระองค์จนขึ้นใจ ธรรมะจะเกิดขึ้นในตัวได้ต้อง
ลงมือสร้างความดีอย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่การ
สร้างความดีต้องใช้กำลังใจหักดิบจากความชั่วอยู่
เป็นปกติ แต่กำลังใจของคนเรานั้น มันขึ้นๆ ลงๆ
ได้ การที่กำลังใจในการทำความดีของเราจะคงอยู่
และเพิ่มพูนต่อไปได้ จึงต้องยึดเอาบุคคลที่มี
ธรรมะฝังแน่นอยู่ในใจมาเป็นต้นแบบในการ
ทำความดีตามท่านไป เมื่อเราได้ทำความดีอย่าง
ต่อเนื่องจนเป็นปกตินิสัย เราก็จะไม่หลุดออกไป
จากปฏิรูปเทส ๔ ธรรมะก็จะเพิ่มพูนขึ้นในตัวเรา
ทำให้เราไม่หลุดไปจากเส้นทางการสร้างบารมี
ตัวอย่างในเรื่องนี้คือ สมัยที่พระสัมมา
สัมพุทธเจ้าของเรามาบังเกิดเป็นสุเมธดาบส
เมื่อได้ทอดตัวเป็นสะพานให้พระทีปังกรและเหล่า
พระอรหันต์เดินข้ามโคลนตมไป ก็ได้รับพยากรณ์
จากพระทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า อีก ๔ อสงไขย
กับแสนมหากัป ท่านจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมา
สัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งชื่อว่า พระโคดมสัมมา
สัมพุทธเจ้า สุเมธดาบสดีใจมาก คิดว่าความเพียร
ของตนนั้นใกล้ประสบความสำเร็จแล้ว ท่านดีใจ
ธรรมะจะเกิดขึ้นในตัวได้ต้อง
ลงมือสร้างความดีอย่างต่อเนื่อง
เท่านั้น แต่การสร้างความดีต้อง
ใช้กําลังใจภักดิบจากความชั่วอยู่
เป็นปกติ
ในที่นั้นมีลูกสาวพราหมณ์คนหนึ่ง ชื่อนาง
สุมิตรา ได้นำดอกบัวมา 6 กำ แล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า
ดอกบัว ๕ กำถวายแด่สุเมธดาบส ส่วน ๓ กำ
เป็นส่วนของตน ด้วยบุญนี้ขอให้มีผลเสมอกัน คือ
หากสุเมธดาบสสร้างบารมีไปถึงไหนก็ขอให้ตนได้
อย่างนั้นด้วย ตั้งแต่นั้นนางก็ได้ติดตามสร้างบารมี
กับสุเมธดาบสไปทุกชาติ ชาติสุดท้ายจึงมาเป็น
พระนางพิมพา และได้บรรลุธรรมตามไปด้วย
จากเหตุการณ์ตรงนี้ ความจริงแล้วต้องเอา
ธรรมะ คือ พระนิพพานเป็นตัวตั้ง แต่ถ้าธรรมะยัง
ไม่แก่กล้าพอ ก็ต้องยึดบุคคลที่มีธรรมะแก่กล้ายิ่ง
กว่ามายึดเป็นหลักในการทำความดีตามท่านไป นี้
ก็เป็นตัวอย่างของความฉลาดในการผูกใจไว้กับ
เหมือนกับว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในวันพรุ่งนี้ ธรรมะโดยผ่านตัวบุคคลผู้มีธรรมะมั่นคง
ชาวเมืองในที่นั้นเมื่อได้ยินพุทธพยากรณ์
แล้วต่างก็มีจิตยินดี พวกแรกที่สั่งสมความดีมา
เต็มที่แล้ว ก็อธิษฐานจิตนึกถึงบุญบารมีที่เต็ม
เปี่ยมของตนแล้ว ก็ได้บรรลุธรรมตามกำลังของ
ตนตามพระทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้าไป
อีกพวกเมื่อรู้ตัวว่าสั่งสมความดีไม่พอ จึง
ตั้งจิตอธิษฐานว่า เมื่อไม่ทันพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์นี้แล้ว ก็ขอติดตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
องค์ต่อไป คิดดังนั้นแล้วจึงพากันบูชาสุเมธดาบส
ด้วยดอกไม้
๒) ต้องอิจฉาใครไม่เป็น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงชี้ให้เห็นว่า เวลา
ที่เราเห็นใครเขามีความพร้อมทั้งเงินทอง อำนาจ
ชาติตระกูลที่ดี มีชื่อเสียงโด่งดัง เฉลียวฉลาดรอบรู้
ก็อย่าไปคิดอิจฉาริษยา ให้บอกตัวเองว่าในอดีตชาติ
เราก็เคยเป็นอย่างนี้มาเหมือนกัน
แต่เมื่อเรามีคุณสมบัตินั้นแล้ว กลับเกิด
ความประมาท นำสิ่งที่มีไปใช้ในทางที่ผิด ทำให้
ชีวิตต้องตกต่ำ กว่าจะได้มาเป็นตัวเราที่มีโอกาส
มาสร้างความดีอย่างนี้ ชีวิตก็ย่ำแย่มามาก
อยู่
๓๑