ข้อความต้นฉบับในหน้า
๓๔
เรื่องเด่น
เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙
กฐินทาน
og
อยู่ใน
ฤดูกาลแห่งการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา
กฐินทาน มิใช่เป็นเพียงประเพณีนิยม แต่เป็นกรณียกิจสำคัญที่ต้องทำให้สำเร็จลุล่วง
ตามพุทธประสงค์และถือเป็นทานอันประเสริฐที่ช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนาให้มั่นคงถาวร
ตลอดไป
การทำบุญทอดกฐินนี้ ถือว่าเป็นการให้โอกาส
พระภิกษุสงฆ์ผู้อยู่จำพรรษาครบถ้วนไตรมาสแล้ว
ได้ปฏิบัติสมณธรรมอย่างมีความสุข ถือเป็นการให้
กำลังท่านก็ว่าได้ เราถวายผ้าไตรซึ่งเป็นธงชัยของ
พระอรหันต์ จะทำให้ผิวพรรณวรรณะผ่องใส มีเสื้อผ้า
อาภรณ์สวมใส่ เมื่อปรารถนาจะอุปสมบท ก็จะมี
ผู้สนับสนุนการบวช และภพชาติสุดท้าย จะได้บวช
แบบเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือมีเครื่องอัฏฐบริขาร
เกิดขึ้นด้วยบุญฤทธิ์ ผ้าไตรจีวรจะเลื่อนลอยมาจาก
ท้องนภากาศ แล้วสวมกายของผู้มีบุญท่านนั้น ผม
บนศีรษะและหนวดเคราจะหายไปอย่างอัศจรรย์
เป็นประดุจพระเถระมีพรรษา ๖๐ ทันที
แต่หากวัดใดไม่มีโยมมาทอดกฐินเลย ก็จะเกิด
อาการ “กฐินตกค้าง” เมื่อพระสงฆ์ไม่ได้กรานกฐิน
ท่านก็ต้องลำบากในการบำเพ็ญสมณกิจหลายอย่าง
เช่น หมดโอกาสได้อานิสงส์กฐิน ๕ ประการ แม้โยม
เองก็คลาดจากบุญอย่างน่าเสียดาย เพราะฉะนั้น
ท่านสาธุชนควรจะได้ศึกษาความสำคัญและบุญที่
เกิดจากการทอดกฐินกันเพื่อจะได้เกิดกำลังใจในการ
ทำบุญทอดกฐินให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
กฐิน” แปลว่า ไม้สะดึง คือกรอบไม้ที่ภิกษุใช้
ขึงผ้าเพื่อเย็บจีวร เหตุที่นำชื่อนี้มาเรียกเป็นชื่อผ้า
เพราะในสมัยพุทธกาล พระภิกษุต้องเย็บจีวรใช้เอง
ไม่มีจีวรสำเร็จรูปขายตามท้องตลาดเหมือนใน
ปัจจุบัน ภิกษุสงฆ์เมื่อจะเปลี่ยนจีวรใหม่จึงต้อง
ลงมือเย็บจีวรด้วยตัวเอง แต่เนื่องจากพระไม่ค่อย
ชำนาญในการเย็บจีวร จึงต้องอาศัยไม้สะดึงเข้าช่วย
ในการกะ เย็บ ตัด เป็นต้น
ทำบุญทำทาน โดย พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ราชบัณฑิต