ข้อความต้นฉบับในหน้า
จะถือว่าเป็นระดับศีลธรรมด้วยกันก็ได้ ปรากฏว่า
คำสอนทั้งสองระดับข้างต้นนี้
แม้ศาสนิกทุกคนในศาสนานั้นๆ จะตั้งใจประพฤติปฏิบัติตามคำสอนอย่างเคร่งครัดเพียงใด
ก็เป็นไปเพียงเพื่อผ่อนคลายความทุกข์ให้น้อยลงบ้างเท่านั้น แต่ไม่สามารถกำจัดทุกข์
อันเนื่องมาจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่บีบคั้นทุกๆ ชีวิตให้สิ้นลงได้เลย ด้วยเหตุนี้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ทรงสอนธรรมะในระดับที่สูงขึ้นไปอีก
๑. มุ่งประกอบสัมมาอาชีวะ คือ สามารถ
ทำมาหากินเป็นจนกระทั่งสามารถตั้งหลักฐานมั่นคง
ไม่มีใครอดอยากยากจน ตลอดจนสุขภาพพลานามัย
ก็แข็งแรง คือช่วยตัวเองและครอบครัวได้ ไม่มีใคร
ต้องเป็นภาระแก่สังคม
๒. หลังจากศาสนิกตั้งฐานะได้แล้ว ก็จะสอน
ให้รู้จักแสวงหาความสุขทางด้านจิตใจ หรือยกใจ
สู่ระดับศีลธรรมต่อไป โดยสอนให้สมาชิกศรัทธา
ในเรื่องหลักๆ ต่อไปนี้ คือ
๒.๑ ทุกคนยังมีชีวิตหลังความตายต่อไปอีก
หากใครประพฤติตนดีย่อมได้ไปสวรรค์ หากประพฤติ
ตนเหลวไหลย่อมต้องถูกลงโทษด้วยการถูกทรมาน
ในนรก ทำให้ต่างคนต่างต้องระมัดระวังตัวเอง ไม่
ประพฤติตนนอกลู่นอกทาง
๒.๒ เพื่อให้ศาสนิกอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
กรอบความประพฤติเรื่องศีลก็ถูกกำหนดขึ้นมาใน
ระดับใกล้เคียงกันอีก คือต่างก็ห้ามการฆ่าฟัน ห้าม
การลักทรัพย์ ห้ามการประพฤติผิดในกาม ห้ามการ
พูดเท็จและห้ามการเสพสิ่งเสพติดให้โทษ โดยมุ่งให้
ศาสนิกแต่ละคนเข้มงวดกวดขันความประพฤติ
ตนเองยิ่งขึ้นไป นับเป็นการแก้ไขและป้องกันการ
กระทบกระทั่งรังแกเอาเปรียบกันในสังคมได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ
๒.๓
เพื่อให้สังคมอยู่เย็นเป็นสุขยิ่งๆ ขึ้นไป
ต่างก็มีคำสอนที่คล้ายคลึงกันอีก คือสอนให้
ศาสนิกมีจิตเมตตากรุณาซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือ
โอบอุ้มกันไปตามสมควรแก่ฐานะ ไม่ยอมทอดทิ้ง
ให้เด็ก คนแก่ ผู้ทุพพลภาพ ผู้ด้อยโอกาส ต้องตก
ทุกข์ได้ยากคือมุ่งส่งเสริมการสังคมสงเคราะห์นั่นเอง
๒.๔ เพื่อป้องกันเหตุเหลือวิสัยใด ๆ อันจะ
นำความทุกข์ยากมาให้ จึงสนับสนุนศาสนิกของตน
ให้มีการศึกษาตามสมควรแก่สติปัญญาของศาสนิก
รวมทั้งศึกษาคำสอนในศาสนาให้ลึกซึ้งยิ่งๆ ขึ้นไป
อันเป็นประโยชน์สุขต่อตัวของศาสนิกเอง และ
ประโยชน์ในการเผยแผ่ด้วย
คำสอนทั้งสองระดับข้างต้นนี้ จะถือว่าเป็น
ระดับศีลธรรมด้วยกันก็ได้ ปรากฏว่าแม้ศาสนิก
ทุกคนในศาสนานั้นๆ จะตั้งใจประพฤติปฏิบัติตาม
คำสอนอย่างเคร่งครัดเพียงใด ก็เป็นไปเพียงเพื่อ
ผ่อนคลายความทุกข์ให้น้อยลงบ้างเท่านั้น แต่ไม่
สามารถกำจัดทุกข์อันเนื่องมาจากการเกิด แก่ เจ็บ
ตาย ที่บีบคั้นทุกๆ ชีวิตให้สิ้นลงได้เลย ด้วยเหตุนี้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ทรงสอนธรรมะในระดับ
ที่สูงขึ้นไปอีก ดังที่ชาวพุทธรู้จักกันดีในนามของ
โลกุตรธรรม คือธรรมเพื่อการกำจัดกิเลสและทุกข์
ให้หมดไปโดยสิ้นเชิง ทำให้ผู้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติ
ตามประสบสุขอย่างแท้จริง ไม่ต้องกลับมาเวียนว่าย
ตายเกิดอีกต่อไป ที่เรียกว่า บรรลุนิพพาน
คำสอนในระดับดับทุกข์ได้เด็ดขาดเช่นนี้
ปรากฏว่าไม่เคยมีสอนในศาสนาอื่นเลย มีแต่ของ