ความสามารถและชีวิตของพันตรีไพรัช โพธิพฤกษาวงศ์ : หน้า 14/56

ความสามารถคล่องแคล่วว่องไว สมเป็นชายชาตรีรั้วของชาติ โดดเด่นออกมาเป็นบุคลิกสง่างาม แม้ในวันเผาศพ สัปเหร่อ วัดในอ่างทองยังเอ่ยปากว่า “ไม่เคยเผาใครหล่ออย่างนี้มาก่อนเลย กระดูกขาวเชียว แสดงว่าหมดกรรมแล้ว” เสียดายมาก ความเห็นของสัปเหร่อจะเป็นจริงหรือไม่ ต้องศึกษาจาก กฎแห่งกรรม พันตรีไพรัช โพธิพฤกษาวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2490 ที่อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เรียนเตรียม ทหาร รุ่น 7 จบโรงเรียนนายร้อย จปร.รุ่น 18 และจบชีวิต ในวัยอันรุ่งโรจน์ด้วยวัยเพียง 36 ปี บิดาชื่อนายดัง มารดา ชื่อนางบุญมี ภรรยาชื่อนางสมบัติ รับราชการที่กองการศึกษา อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ลาออกจากราชการแล้ว เวลา นั้นบุตรทั้งสามเป็นชายสอง หญิงหนึ่ง มีอายุ 9 ขวบ 6 ขวบ และ 3 ขวบ ตามลำดับ ปัจจุบันบุตรคนโตรับราชการคือ เรืออากาศโท ปิยเพชร โพธิ์พฤกษาวงศ์ บุตรคนที่สองคือนาย วริศว์ โพธิ์พฤกษาวงศ์ ทำธุรกิจส่วนตัว ส่วนนางสมรัชวดี แอมเนิร์ท บุตรสาวคนเดียวสมรสกับสามีชาวสวีเดน ขณะนี้ อยู่ในกรุงสต็อกโฮล์ม ความที่เป็นคนเก่ง จริงใจ กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว เคย ผ่านสมรภูมิเวียดนามรุ่นจงอางศึกมาแล้ว จึงมีผู้เลือกพันตรี ไพรัช โพธิ์พฤกษาวงศ์ ให้ทำการใหญ่เพื่อเปลี่ยนแปลงการ ปกครองของประเทศ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เป็นเหตุให้ นายทหารผู้นี้ต้องคดีสำคัญของบ้านเมือง สร้างความทุกข์ เดือดร้อนใจแก่ตัวเขาอย่างใหญ่หลวง คนทั่วไปเมื่อมีสิ่งใดที่จะทำให้ลืมความทุกข์ไปได้ชั่วคราว ก็จะทำเพื่อกลบทุกข์ แต่ยิ่งทำทุกข์ยิ่งเพิ่มเช่น ดื่มสุรา ซึ่งทำ ให้ลืมแค่ไม่กี่นาที สักครู่ความทุกข์กลับมาใหม่อีก เมื่อกลัด กลุ่มหนักๆ เข้า หาทางออกไม่ได้ มักคิดว่าถ้าเราเดินออก จากร่างกายนี้ไปได้ เราก็คงจะพ้นภาวะตรงนี้ไปได้เลย แต่ จะปล่อยให้มันเดินออกไปเอง มันก็ยังไม่ออกไปสักทีเพราะ มันยังไม่ถึงเวลา จึงคิดสั้นๆ ว่าต้องหาทางลัด กระสุนปืน อาวุธประจำกาย จึงเป็นทางเลือกของอดีตนายทหารผู้นี้ ภรรยาของเขาร้องไห้น้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด เพราะ ไม่คิดเลยว่าคนที่รักกัน อยู่ด้วยกันสิบปีจะจากไปกะทันหัน ต่อไปนี้ เธอและลูกๆ จะอยู่กับใคร นึกถึงคำพูดของเขา กอนจากกันเป็นลางว่า “ ถ้าไม่มีพ่อแล้ว แม่จะเลี้ยงลูกได้ไหม? " 22 case study 23 กฏแห่งกรรม "ยิงตัวตาย"