ข้อความต้นฉบับในหน้า
ปกิณกธรรม
เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ. ๙ / ภาพประกอบ : กองพุทธศิลป์
outrym
เฮือกสุดท้าย..แห่งชัยชนะ
“ควรปรารภความเพียรเสียตั้งแต่บัดนี้ ใครจะรู้ว่าความตายจักมีในวันพรุ่งนี้
เพราะการผ่อนผันกับมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่นั้นย่อมไม่มี
การมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรนั้นเป็นสิ่งที่ต้องทำ
ความเข้าใจให้ดี เราจะได้ไม่ประมาท คนส่วนมาก
เพียรพยายามในการทำมาหากิน โดยไม่รู้ว่าชีวิต
เป็นดุจไม้ใกล้ฝั่ง จะล้มลงในวันใดก็ได้ จึงละเลย
ต่อการเจริญสมาธิภาวนา ทำความเพียรเพื่อให้เข้า
ถึงที่พึ่งภายในคือพระธรรมกาย การทำงานหาทรัพย์
ควบคู่ไปกับการสร้างบุญให้ธุรกิจกับจิตใจไปด้วยกัน
นับเป็นชีวิตของผู้ไม่ประมาท เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่า
จะมีชีวิตอยู่ยืนยาวแค่ไหน ความตายเกิดขึ้นกับเรา
ได้ตลอดเวลา ดีที่สุดคือรีบทำความดีตั้งแต่วันนี้
ก่อนที่วันพรุ่งนี้อาจจะไม่มีสำหรับเราอีกต่อไป
เฮือกสุดท้าย...ใจหมอง....
ในสมัยหลังพุทธกาล มีหนุ่มชาวทมิฬคนหนึ่ง
ชื่อทีฆชยันตะ เป็นคนมีนิสัยหยาบกระด้าง ทำผิด
ศีล ๕ อยู่เป็นประจำ เพราะคบคนไม่ดีเป็นมิตร
ในระหว่างที่ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน เกิดการทะเลาะ
วิวาทกับคู่อริ จึงถูกฆ่าตาย เนื่องจากตายเพราะขาด
สติ จิตใจเศร้าหมอง จึงถูกยมทูตนำลงไปยมโลก
ให้พญายมราชช่วยตัดสินว่าจะให้ไปเสวยวิบากกรรม
ที่ทำเอาไว้ในนรกขุมไหนหรือที่ไหนจึงเหมาะสม
พญายมราชเมตตาให้โอกาสนึกถึงบุญที่เคย
ทำ แต่ตัวเองเป็นคนใจโหดเหี้ยม ฆ่าสัตว์เป็นอาจิณ
จึงนึกถึงบุญไม่ออก เห็นแต่ภาพของการเข่นฆ่า
เป็นนิมิตอยู่ข้างหน้า พญายมราชจึงพิพากษาให้ไป
เสวยทุกข์ในอุสสทนรก ในขณะที่กำลังถูกทัณฑ์
ทรมานอยู่นั้น สัตว์นรกตัวนี้พลันนึกถึงภาพตัวเอง
สมัยที่เป็นวัยรุ่น พ่อแม่ใช้ให้นำผ้าแดงไปบูชาเจดีย์
ซึ่งเป็นเจดีย์ระฟ้าที่สุมนศิริมหาวิหาร จำได้ว่าตอน
ที่เอาผ้าไปบูชาพระเจดีย์นั้น ตัวเองมีจิตเลื่อมใสใน
พระรัตนตรัยมาก ฉะนั้น เมื่อได้เห็นเปลวไฟที่ลุก
วูบวาบไปมา จึงหวนระลึกถึงผ้าแดงที่พัดโบกผืนนั้น
ได้ เพียงแค่จิตเป็นกุศลนิดเดียวเท่านั้นเอง บุญก็
สว่างวาบ ฉุดเอาสัตว์นรกนี้ขึ้นจากขุมนรก แล้วไป
บังเกิดเป็นอากาศเทวาทันที
นึกถึงบุญได้ตอนอยู่ในนรก
ส่วนอีกท่านหนึ่งตลอดชีวิตมัวแต่ทำมาหากิน