ข้อความต้นฉบับในหน้า
ไม่สนใจเข้าวัดฟังธรรม แต่ชอบฆ่าสัตว์ทำอาหาร
ก่อนตายใจเศร้าหมอง ตายแล้วบุญไม่ชัดกรรมก็
ไม่แจ้งนัก จึงถูกยมทูตนำไปที่ยมโลก เมื่อผ่านการ
ไต่สวนจากพญายมราชแล้ว จึงถูกส่งให้ไปเสวยทุกข์
อยู่ในอุสสทนรก แต่ในช่วงที่ว่างจากการถูกทรมาน
แวบหนึ่งนั้น ได้พิจารณาเห็นเปลวไฟใหญ่ไหวไป
ไหวมา เสียงดังพบพับ ๆ ก็พลันนึกถึงผ้าจีวรโบก
สะบัดที่ตัวเองถวายพระลูกชาย ด้วยจิตที่เป็นกุศล
บุญทำงานเต็มที่ ทำให้สัตว์นรกพ้นจากทัณฑ์ทรมาน
เลื่อนจากอัตภาพของสัตว์นรกไปบังเกิดในสวรรค์
ชั้นดาวดึงส์ นับเป็นอานุภาพแห่งบุญที่อัศจรรย์ยิ่ง
ต้องถือว่าหนึ่งในล้าน ๆ คนที่เมื่อตกลงไปในนรกแล้ว
จะสามารถหลุดพ้นจากอบายภูมิขึ้นมาได้ เพราะ
ส่วนใหญ่มีแต่ต้องเสวยทุกข์ไปจนกว่ากรรมนั้นจะ
สิ้นสุดลง
นอกจากนี้ ยังมีอีกท่านหนึ่ง ในอดีตเคยเป็น
อำมาตย์ เป็นคนฉ้อราษฎร์บังหลวง พิจารณาคดี
๑
ด้วยความลำเอียง แต่ด้วยบุญที่เคยเอาดอกมะลิ
หม้อ ไปบูชาพระมหาเจดีย์ แล้วได้แบ่งส่วนบุญให้
แก่พญายมราช เมื่อตายไปแล้วได้ถูกควบคุมตัวไป
พิจารณาโทษในยมโลก แม้พญายมราชจะเตือนให้
นึกถึงบุญก็นึกไม่ออก เพราะบาปมันบังใจเอาไว้
พญายมราชจึงตรวจดูเอง แล้วเตือนให้ได้สติว่า
“ยังจำได้ไหม ท่านเคยบูชามหาเจดีย์ด้วยดอกมะลิ
๑ หม้อ แล้วยังอุทิศส่วนกุศลให้กับเรา” อำมาตย์
ท่านนี้จำกุศลกรรมของตัวเองได้ จึงมีใจเลื่อมใส
พอจิตเลื่อมใสเท่านั้น ก็ได้ไปบังเกิดในเทวโลกทันที
เราจะเห็นว่า การชิงช่วงระหว่างใจหมองกับ
ใจใสมีอยู่ตลอดเวลา เราต้องฝึกทำใจให้ใส ๆ อย่า
ให้หมอง และอย่าให้อกุศลมาครอบงำจิตใจของเรา
ได้ การจะทำเช่นนี้ได้ต้องหมั่นสั่งสมบุญอยู่เป็นนิจ
ชำระกาย วาจา ใจให้บริสุทธิ์ และเมื่อทำบุญอะไร
ไว้แล้ว ก็ให้หมั่นตรึกระลึกนึกถึงเรื่อย ๆ ให้ใจอยู่
ในบุญ อย่าไปนึกถึงบาป การทำความดีนั้นต้องทำ