ข้อความต้นฉบับในหน้า
สัมพุทธเจ้าเป็นประธานตลอด ๗ วัน ในวันสุดท้าย
พระพุทธองค์ได้ประทานโอวาทว่า “อุบาสก ธรรมดา
บัณฑิตไม่ควรประมาท อย่ามัวคิดแต่เรื่องทำมาหากิน
ควรคิดถึงความตายบ้าง สัตว์ที่เกิดมาล้วนต้องตาย
เหมือนผลไม้ที่สุกแล้วร่วงหล่นไป..... เมื่อมนุษย์ถูก
มัจจุราชสกัดอยู่ข้างหน้า บิดามารดาก็ต้านทานไว้
ไม่ได้หมู่ญาติก็เอาแต่รำพันโศกศัลย์อยู่นั่นเอง” ขณะ
ที่ทรงแสดงพระธรรมเทศนาอยู่นั้น พ่อค้าก็ทำใจ
ให้หยุดนิ่งตามไปด้วย จึงได้ดวงตาเห็นธรรมเป็น
พระโสดาบันทันที
เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จกลับ พ่อค้าได้เดิน
ตามไปส่ง หลังจากกลับมาถึงที่พัก เขาก็เกิดอาการ
ปวดศีรษะขึ้นมาอย่างกะทันหัน ตั้งใจว่าจะนอนพัก
สักหน่อย แต่โชคร้ายเขาหลับสนิทและหลับตลอดกาล
ไม่มีโอกาสตื่นมาดูกิจการค้าอีกแล้ว ด้วยอานิสงส์
แห่งบุญที่ตั้งใจทำก่อนตายและมีดวงตาเห็นธรรม
จึงได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต เป็นเทพบุตรที่มี
รัศมีกายสว่างไสว เสวยทิพยสมบัติที่ใหญ่โตโอฬาร
ท่านสาธุชนทั้งหลาย....ชีวิตของเราใกล้ความ
ตายเข้าไปทุกขณะ จะกำหนดวัน เวลา และสถานที่
ไม่ได้ เหมือนต้นไม้ริมตลิ่งที่ถูกกระแสน้ำเซาะให้
พังลงไป ชีวิตของเราถูกกระแสความแก่ ความเจ็บ
พัดพาไปสู่ความตายทุกขณะ นักสร้างบารมีผู้ไม่
ประมาทต้องหมั่นสั่งสมบุญอยู่เป็นนิจ ทั้งทาน ศีล
ภาวนา แม้นลมหายใจใกล้จะสิ้นก็ไม่กลัวต่อความ
ตาย เพราะมั่นใจว่าลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะต้อง
เป็นลมหายใจแห่งชัยชนะ พร้อมไปสู่สุคติโลกสวรรค์
ตลอดเวลา
....ก่อนชวาลชีวิตดวงนิดน้อย
เป็นดวงไฟดูไร้ค่า
จะดับผล็อย
.....อย่าได้ปล่อยให้มันดับไปกับตา .....แต่จง
จุดให้เจิดจ้านิรันดร