ข้อความต้นฉบับในหน้า
D M C ช่องนี้มีค่าตอบ
40
B
ได้ว่า “ถ้าเราจะถวายโดยตรง พระเถระก็จะไม่รับ
(เนื่องจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ทรงมีพระบรม
พุทธานุญาตให้รับ)
เมื่อเป็นดังนี้เทพธิดาชาลินีจึงน้อมนำเอาผ้าทิพย์
ของเธอไปวางไว้ในกองหยากเยื่อ ซึ่งอยู่บริเวณที่
พระอนุรุทธเถระท่านจะต้องเดินผ่าน ซึ่งขณะที่นำไป
วางนั้น เธอก็มีเทคนิคในการเอาไปวางแบบเนียน ๆ
(คือวางให้ชายผ้าทิพย์โผล่พ้นกองหยากเยื่อออกมา
๔. ต่อมาในภายหลัง “หมอชีวกโกมารภัจจ์” ซึ่ง
เป็น “แพทย์ประจำพระพุทธองค์” ที่ได้ถวายการ
รักษาอาการต่าง ๆ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น
อาการห้อพระโลหิต เป็นต้น ก็เห็นถึงความยาก
ลำบากของพระภิกษุสงฆ์ ที่ต้องไปแสวงหาผ้าที่พวก
ชาวบ้านทิ้งไว้ตามกองขยะ กองหยากเยื่อ หรือนำเอา
ผ้าที่ห่อศพมาทำความสะอาด แล้วตัดเย็บย้อมเพื่อ
ทำเป็นสบงจีวร เนื่องจากไม่สามารถรับผ้าที่ชาวบ้าน
นำมาถวายโดยตรงได้
เมื่อหมอชีวกโกมารภัจจ์เห็นถึงความยากลำบาก
ให้เห็นง่าย ๆ และในที่สุดพระอนุรุทธเถระก็ได้เห็น
ผ้าทิพย์ดังกล่าวจริง ๆ จากนั้นท่านก็จับที่ชายผ้า
แล้วดึงออกมา เพื่อนำกลับไปทำจีวรต่อไป ของพระภิกษุสงฆ์เช่นนั้น ท่านจึงไปกราบทูลขอพร
เหตุการณ์นี้จึงกลายมาเป็นจุดเริ่มต้น หรือ จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในทำนองที่ว่า “ขอให้
เป็นต้นเรื่องที่ทำให้ผู้ใจบุญในสมัยพุทธกาลเกิด พระภิกษุสามารถรับคฤหบดีจีวรได้” (คือรับผ้าจีวร
วิสัยทัศน์ตามแบบเทพธิดาชาลินี ซึ่งเมื่อเกิดวิสัยทัศน์ ที่มีผู้ถวายได้นั่นเอง) ด้วยเหตุนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้ว ผู้ใจบุญในสมัยพุทธกาลจึงทำการ copy and จึงทรงมีพระบรมพุทธานุญาตให้ใช้ได้ทั้ง ๒ แบบ
develop คือเลียนแบบแล้วนำไปพัฒนาต่อนั่นเอง คือพระภิกษุจะไปหาผ้าบังสุกุลมาทำเป็นจีวรก็ได้
โดยการจงใจนำผ้าไปไว้ตามที่ต่าง ๆ เช่น ที่ต้นไม้ หรือจะรับผ้าจีวรที่คฤหบดีถวายโดยตรงก็ได้
ตามกองขยะ กองหยากเยื่อ ในป่า หรือตามข้างทาง
เป็นต้น ซึ่งเป็นที่ที่ผู้ใจบุญคิดแล้วว่า พระภิกษุสงฆ์
จะต้องเดินผ่าน โดยทำที่เป็นเหมือนว่า “ผ้านี้ทิ้งแล้ว”
เมื่อมีพระภิกษุเดินไปพบ ท่านก็จะหยิบและนำผ้า
ดังกล่าวไปทำจีวร เพราะถือว่าเป็นผ้าที่ไม่มีเจ้าของ
ซึ่งผ้าชนิดนี้จะเรียกว่า “ผ้าป่า” เพราะเอามาจากป่า
หรือ “ผ้าบังสุกุล” ที่แปลว่า ผ้าเปื้อนฝุ่น นั่นเอง
๑๐. ในขณะเดียวกันนั้นเองหมอชีวกโกมารภัจจ์
ก็ได้น้อมถวายคฤหบดีจีวรเป็นคนแรกและครั้งแรก
โดยนำผ้าเนื้อดีแบบสุด ๆ ที่ได้รับพระราชทานเป็น
รางวัลจากการรักษาพระเจ้าจัณฑปัชโชติ ซึ่งป่วยเป็น
โรคผอมเหลืองให้หายได้เป็นปลิดทิ้ง ด้วยเภสัชที่ปรุง
จากเนยใส แต่ทำให้มีสี กลิ่น และรสเหมือนกับ
น้ำฝาด มาน้อมถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า