ข้อความต้นฉบับในหน้า
โมคัลลานะข้าง’ ไปใจชาวบ้านไม่ให้ถูกตามพระพุทธองค์ข้าง’ ไปใจผู้อื่นให้มาดามรั้งวามเช่นเจ้ามาพระองค์ข้าง’ เป็นต้น
วาระที่สาม ขณะตรัสแสดงธรรมแก่กลุ่มบุคคลที่ยงขาดเหตุแห่งการบรรลุธรรม ผลเช่น ในกรณีของกลุ่มบริพาชกที่กำลังพิจารณาพระธรรมเทวดาของพระพุทธองค์ อาจมีบางคนตรัสธรรมได้บ้าง มาจึงดลใจบริพาชกเหล่านี้ให้สงบเรียบ ไร้ความคิดและปกิ่น พระพุทธองค์จึงทรงรู้ว่า บริพาชกเหล่านี้ถูกมารใจขโมย แต่เนื่องจากทรงรู้แล้วว่า บริพาชกเหล่านี้ไม่มีเหตุแห่งการบรรลุ มรรค ผล ในโอกาสนี้ จึงได้ทรงห้ามมาร คืนแล้วทรงบันลืออิทธิฤทธิ์ ทรงแห่ขึ้นสู่สวรรค์ เสด็จเข้าไปยังกรุงราธคูณฯ
วาระที่สี่ เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใกล้ปรินิพพาน เหลือเวลาอีก 3 เดือน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะทรงมีพระชนมายุครบรอบ 80 พรรษา มารได้ปรากฏตัวขึ้นเพื่อทวงสัญญาให้ไว้ในช่วงแรกตรัสรู้ใหม่ ๆ เมื่อ 45 ปีก่อน โดยทูลว่า “บัดนี้พระทวดองค์ทรงประดิษฐานพระศาสนาได้มั่นคงดีแล้ว ถึงเวลาต้องปรินิพพานแล้ว” เป็นสาเหตุให้พระองค์ต้องทรงปล่อยอายุสังขารตามที่ได้ทรงอาจไว้ก่อนมา ทำให้เกิดแผ่นดินไหวไปทั้งโลก สันสะเทือนไปถึงเทวโลกขนองทิพย์ระหว่างองค์
จากพฤติกรรมดังกล่าวของมา ที่บังเกิดอยู่ในพระไตรปิฏกนั้น ย่อมแสดงให้เราเห็นว่า มารไม่ต้องการให้ใครลุดพ้นปัญญา วิปัสสนา ได้แสนแต่คนเดียว พยายามปิดบังหนทางสายเดียว คือ อริยวราคมอรณ์ ที่จะเอื้อให้สามารถเทศลูกออกจากวุฒิสารได้สำเร็จเร็วไว ตลอดเวลา ส่วนใครที่รู้แล้ว หยุดพันไปแล้ว มารก็ขับให้เข้าไปพรรนาไป ไม่ยอมให้เวลาปิดโงความจริงของโลกและชีวิตได้มากนั่น
ด้วยเหตุนี้ จึงกล่าวได้ว่า มารนั่งทั้งเกลือทั้งกลัวพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชนิดเข้ากระดูก เกลียด เพราะทำอันตรายใด ๆ ของพระพุทธองค์ไม่ได้ จึงต้องหาทางขัดขวางการทำงานเผยแผ่ด้วยวิชามารทุกหนทาง กลัว เพราะหากปล่อยให้พระพุทธองค์มีพระชนชีพอยู่นานเท่าไร ก็จะพานักโทษแหกคุกออกไปจากวุฒิสารมากเท่านั้น จึงต้องเร่งร้าให้พระองค์เข้าสิพพานเสีย
จากความเกลียดและความกลัวของมารนี้เอง ถ้าได้สเกตพิจารณาใคร่ครวญถึงสภาพการณ์ต่าง ๆ ครั้งพุทธกาล และสภาวการณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่ครั้งพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน เราก็จะพบความจริงว่า มารพยายามทั้งขวางทั้งทำ ทั้งขัดขวาง ทั้งตามทำร้ายทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้พระพุทธองค์ทำงานเผยแผ่ ได้สะดวก เพื่อไม่ให้พระพุทธศาสนาบังเกิดขึ้นในโลกนี้ และเพื่อทำลายพระพุทธศาสนาให้หายสิ้นไปจากโลกอีกด้วย