ข้อความต้นฉบับในหน้า
"ยิ่งรักษาศิลป์ได้มากเท่าไร ยิ่งนั่งสมาธิได้มากเท่าไร อัตราการตายของเซลล์ซึ่งมาจากภาวะไม่บริสุทธิ์เหล่านี้จะยิ่งลดลง ๆ ไปอีกเรื่อย ๆ นี่คือ ปฏิกิริยาชีวเคมีที่เกิดขึ้นในร่างกายของเรา"
ที่ไม่บรรลุสุข แม得มาเพิ่มไหม มันต้องตายต่อไป ฉะนั้นเราก็ต้องหากา สมามเติมให้ร่างกายต่อไปตลอดชีวิต วันใดที่ร่างกายไม่สามารถรับดาวุได้เพิ่มต่อไปเป็นวันสิ้นสุดชีวิตนี้ เมื่อเต็มมดคุฏเข้าไป ร่างกายสร้างเซลส์ใหม่ขึ้นมา พร้อมกับได้พลังงานด้วย ความร้อนเกิดขึ้นในร่างกาย ความหนาว ความร้อน ที่อยู่ในตัวเรา เป็นตัวฟ้องว่า ในกายเรานั้น ทุกนาทีที่ตายมีเกิด และมีตายมีอยู่ตลอดเวลา ไม่มีอะไรยงคงที่เลย การที่เรารู้สึกวิตกก็เพราะต้องการกฎดิวดี้ ที่รู้สึกกระหยี่เพราะต้องการหายใจเอาดุลเข้าไป ที่รู้สึกหนาวก็เพราะต้องการดุไฟ ทำให้ต้องไปหาเสื้อผ้ามุ่งมั่น อาการเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหวาน เดี๋ยวกระหาย เริ่มตั้งแต่เมื่อใด เริ่มตั้งแต่ในครรภ์ของมารดา อาการเหล่านี้เกิดขึ้นในครรภ์ และบอกให้รู้ว่าร่างกายของเรานั้นมีตายมดตั้งแต่ก่อนเกิดจากครรภ์มารดาเสียอีก อะไรเป็นเครื่องยืนยันว่าเกิดจากมดู่ไม่บริสุทธิ์ ก็อาจจะ ปัสสาวะ ที่อยู่ในตัวเรา ที่ต้องขับถ่ายออกมาเพราะมันเป็นกาก เป็นของเสีย ที่ร่างกายเอาไปใช้ไม่ได้ ไม่ใช่ประโยชน์ จึงบอกได้ว่าภูตเหล่านี้ไม่บริสุทธิ์
(๒) ความทุกข์เกิดจากตาดไม่บริสุทธิ์
อาการต่าง ๆ เหล่านี้ ทั้งหนาว ร้อน ทีวี กระหาย ขับปัสสาวะออก ขับปัสสาวะออก รวมกัน เรียกว่า ความทุกข์ประจำตัวหรือประจำธีระ ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ ไม่มีใครทำให้เกิดขึ้น ในชีวิตประจำวัน ถ้าเรามีความสวามภาย สารภาพความทุกข์จะแบบบางจงไปดับ จากที่มีการตายของเซลล์น่ะจะสมองถึงเซลล์ ก็ถ่ายน้อยลงไปกว่านั้น ยิ่งรักษาศิลป์ได้มากเท่าไร ยิ่งนั่งสมาธิได้มากเท่าไร อัตราการตายของเซลล์ซึ่งมาจากภาวะไม่บริสุทธิ์เหล่านี้จะยิ่งลดลง ๆ ไปอีกเรื่อย ๆ นี่คือ ปฏิกิริยาชีวเคมีที่เกิดขึ้นในร่างกายของเรา ยิ่งเรามากควบคุมกาย ควบคุมจิตของเรา อันเกี่ยวกับการประกอบอาชีพของเราได้ ก็จะยิ่งช่วยลดความทุกข์ที่เกิดขึ้นน้อยลงไปอีกมาก"