การฝึกฝนปัญญาผ่านกิจวัตรตามหลักพระพุทธศาสนา  วารสารอยู่ในบุญประจำเดือน กันยายน พ.ศ.2560 หน้า 83
หน้าที่ 83 / 119

สรุปเนื้อหา

บทความนี้กล่าวถึงความสำคัญของการฝึกฝนปัญญาผ่านกิจวัตรประจำวันตามหลักพระพุทธศาสนา ซึ่งช่วยให้บุคคลมีสติปัญญาในการดูแลสมบัติของครอบครัวและการจัดการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน โดยการนำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้จะเกิดการสร้างบุญและพัฒนาชุมชนให้เจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืน การตรวจตราวัดและกิจวัตรการศึกษาในพระศาสนาเป็นวิธีที่สามารถสร้างทายาทที่มีปัญญาสูงส่ง โดยไม่เพียงเรียนรู้เพื่อเอาตัวรอด แต่ยังมีความสามารถในการดูแลและสร้างความสำเร็จให้กับวงศ์ตระกูล.

หัวข้อประเด็น

- การฝึกฝนปัญญาผ่านกิจวัตร
- ความสำคัญของพระพุทธศาสนาในชีวิตประจำวัน
- การพัฒนาชุมชนและครอบครัว
- หลักธรรมในการดูแลสมบัติ
- วิธีการสร้างบุญและความเจริญรุ่งเรือง

ข้อความต้นฉบับในหน้า

"เมื่ิคิดเห็น ยอมคิดเพื่อแก้กุลเกณฑ์ เกิดกุลแก่ผู้อื่น เกิดกุลแก่นตัวและผู้อื่น และเกิดกุลโลกทั้งหมดดีเดียว บุคคลเป็นนันทิยมมีปัญญามากอย่างนี้แหละ" ๑.๓ ศาสนฑายาผู้จามพระพุทธศาสนาและสงฆ์ตระกูล บุคคลที่ฝนตนเองหรือได้รับการฝึกตามกิจวัตรของพระสรฏฐ์ทุกวันเช่นนี้ เขาอ้อมมีปัญญาดลสมบัติ ปัญญาดลสมบัติ ปัญญาดลดูแลองเสเบี่ยง ไม่ว่าจาไปทีนวนปรูฟื้นจะสร้างปฏิรูป ๕ ขึ้นมาได้ในนั้น คืออาวาสเป็นที่สบาย อาหารเป็นที่สบาย บุคคลเป็นที่สบาย ทรรณะเป็นที่สบาย เมื่อปฏิบาไทอด๔ เกิดขึ้นที่ใด คนดีงามดีเกิดขึ้นในนั้น การศึกษาธรรมก็เกิดขึ้นในนั้น การสร้างบุญก็เกิดขึ้นในนั้น ความเจริญรุ่งเรืองอิ่มสมานเทมาไม่ขาดสาย เพราะฉะนั้น การตรวจตรวัดเป็นกิจวัตรของพระสารฏฐ์จึงไม่ใช่เรื่องที่จะมองแบบผิดแหว่งเสียแล้ว แต่แท้ที่จริงเป็นวิธีการถ่ายทอดปัญญาดูแลสมบัติ ปัญญาดูแลสมบัติ ปัญญาดูแลองเสียบ่ยมผ่านกิจวัตรในชีวิตประจำวันจึงเท่ากว่าเป็นการปฏิบัติและการประกาศพระธรรมจักรคือมรรคมอง ๘ อย่างเป็นรูปธรรมโดยตรงเลยทีเดียว หากวัดใดครอบครัวใดนาวิธีการนี้ไปใช้ฝึกฝน วัดนั้นก็จะได้ศาสนทายาทมีปัญญามากในกิจการคำสอนพระพุทธศาสนา บ้านนั้นก็จะได้รับทีมีปัญญามากในการคำจุนวงศ์ตระกูล เพราะเขาไม่มัมีแต่ปัญญาพอัวรอดเท่านั้น แต่มีปัญญาพาวัด พาครอบครัวให้เจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วทันใจเป็นอัศจรรย์ ในทางตรงบ่านบ้าน ถ้าหาทายาขของครอบครัวไม่ได้ใฝในกิจวัตรเหล่านี้ ถึงพ่อแม่ผู้ปกครองจะทุ่มเทนองส่งเสีเขาศึกษาเล่าเรียนสูงเพียงได้ตาม เขาก็จะมีปัญญาแค่เอาตัวรอดเป็นอย่างมากเท่านั้น แต่จะไม่มีปัญญาดูแลสมบัติของครอบครัวดูแลกิจการที่เลี้ยงวงศ์ตระกูลได้เลย ซึ่งไม่เคยถูกให้มีปัญญาแบบกระส่วนรวม เมื่อเขาไปทำงานจึงไม่รู้วิธีการบริหารจัดการ ย่อมๆ วิธีจัดระบบงาน ไม่รู้วิธีตรวจตรางาน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร วิริธีจัดคน ไม่รู้วิธีแก้ปัญหาเร่งด่วนที่หน้าที่น ยิ่งทำงานสมบัติยิ่งทวีรวยรอ คงเก่ง ๆ ในทีมก็ย่ออก ลูกค้าใหม่ก็ไม่มี ลูกค้าเก่าก็ทยอยหย่ ยกิจการถึงที่ปุ่ยทอดายเคยทำไว้ใจเจีรญูงเรื่องเมื่อครั้งอดีตจึงถึงคราววานสํมจนในที่สุด เพราะว่าดาเป็นปัญหาได้จากการฝึกตรวจตรางานของครอบครัวเป็นกิจวัตรประจําวันนั่นเอง ดังนั้น เรายังมองข้ามวิชาฝึกคนผ่านการตรวจวัดเป็นกิจวัตรประจำวันของพระสารฏฐ์ไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะเป็นวิชาคูณการฝึกคนให้มีสันโญปัญญาแบบเป็นทึม ตามแบบฉบับของพระอังคการาคเบงขาว ผู้ใดคิดด้วยปัญญาผู้ได้รับการรับรองจากพระพุทธองค์ ว่า เป็นผู้ให้ความเทำพระบรมศาสดาได้ เป็นผู้ทุนธรรมจักษ์ได้จุดเดียวกันพระองค์ นี้คือวิธีที่ ๑ ที่ท่านให้หมุนธรรมจักรให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว ยาไปที่ใด ปฏิรูป๔ ก็เกิดขึ้นที่นั่น เมื่อไดตรวจวัดได้ ขนพพเหล่าหงทิทธรรมรุ้งใหม่ๆ ก็จะเกิดขึ้นที่นั่นทันที"
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More