ข้อความต้นฉบับในหน้า
มีไม่มากนัก ทำให้ปะติดปะต่อเรื่องราวและรวบรวมข้อมูลได้ไม่มากเท่าที่ควร เช่น จารึกบนฃินฝังอยู่ที่เมืองศรีเเกษตร ข้างในบรรจุจีวร ลูกปัด และอัญมณี ที่แสดงถึงธรรมเนียมปฏิบัติเกี่ยวกับงานศพในยุคประวัติศาสตร์ตอนต้น ปรากฏภาพเป็นข้อความสั้น ๆ ว่า “กษัติย์พระนามว่า Harivikrama เสด็จสวรรคตในวันที่ ๘ เดือน ๒ ปี ๑๙ รวมพระชนมายุได้ ๒๖ ปี ๗ เดือน ๑๒ วัน ซึ่งนับประวัติศาสตร์ในครั้งนั้นมารวมข้อมูลสั้น ๆ จากรอยจารึกดังกล่าวได้แก่เพียงว่า ราชวงศ์นี้ปกครองอาณาจักรศรีเกษตรชื่อ Vikrama แต่ช่วงเวลาที่ราชวงศ์ดังกล่าวได้แค่เพียงว่าราชวงศ์นี้ปกครองอาณาจักรศรีเกษตรชื่อ Vikrama แต่ช่วงเวลาที่ราชวงศ์ดังกล่าวได้แค่เพียงว่าราชวงศ์นี้ปกครองอาณาจักรศรีเกษตรชื่อ Vikrama แต่ช่วงเวลาที่ราชวงศ์ดังกล่าวได้แค่เพียงว่าราชวงศ์นี้ปกครองอาณาจักรศรีเกษตรชื่อ Vikrama แต่ช่วงเวลาที่ราชวงศ์ดังกล่าวได้แค่เพียงว่าราชวงศ์นี้ปกครองอาณาจักรศรีเกษตรชื่อ Vikrama แต่ช่วงเวลาที่ราชวงศ์ดังกล่าวได้แค่เพียงว่าราชวงศ์นี้ปกครองอาณาจักรศรีเกษตรชื่อ Vikrama แต่ช่วงเวลาที่ราชวงศ์ดังกล่าวได้แค่เพียงว่าราชวงศ์นี้ปกครองอาณาจักรศรีเกษตรชื่อ Vikrama
นักประวัติศาสตรและโบราณคดีได้พยายามศึกษาร้องราวของราชปฐมกาลสำรวจจึงปลูกสร้างและการขุดค้นหาหลักฐานในราบคาบภายในนิเวศน์ในกำแพงเมืองทำให้ได้พบสถาปัตยกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนา ความเชื่อ สภาพสังคมและวิถีชีวิตของชาวปุ่ อาทิตย์ ปราสาทวัง พระสถูป วัด วิหาร ระบบน้ำ รวมทั้งโบราณวัตถุมากมาย เช่น ถ้วยชาม ตุ๊กตาปั้น จารีตดำริ พระพุทธรูป ถือเป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญ ทำให้คณะกรรมการมรดกโลกมีขึ้นทะเบียนกลุ่มเมืองโบราณแห่งยุคเป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ เพราะเป็นสถานที่มีหลักฐานแสดงร่องรอยความยิ่งใหญ่ในอดีตและความรุ่งเรืองแห่งอายุรรวมที่มีอิทธิพลมาสู่วงแบบศิลปะและวัฒนธรรมของเนียนมาในยุคต่อ ๆ มา
วิหารเบญจ (Bebe Gyi) แห่งศรีเกษตร เป็นต้นแบบการก่อสร้างแหล่งสัปปายะกรรม