ข้อความต้นฉบับในหน้า
พลังบุญธรรมจัักร “ครอบครัวธรรมจัักร”
คุณธรรมจัักร ทามรุะ และครอบครัว
ธุรกิจส่วนตัว
เข้าวัดเพราะพี่ชายมาบวชเมื่อปี 2555 ลูกค้าก็เข้ามาเองค่ะ ถึงเราเป็นบริษัทเล็ก ๆ มีโอกาสได้นั่งสมาธิ ฟังธรรม รู้สึกสบายใจ รู้สึกว่าคำสอนนี้ มีเหตุผลดี จึงติดใจ อาศัยต่อมาฟังคำสอนเรียนก่อน สมาธิ การทำทาน ผลของการะทำแต่ละอย่าง เมื่อฟังแล้วไปทำตาม ชีวิตเริ่มดีขึ้นตามลำดับค่ะ
ต่อมา ทราบเรื่องโครงการสวดธรรมจักร เราก็ตั้งเป่าว่าต้องสวดให้ได้ พอทำได้แล้วรู้สึกภาคภูมิใจ แล้วก็มีผลต่อการงานและความคิด เพราะธรรมจักรเป็นบันไดพา พวกเราจำได้ ก็รู้สึกเหมือนเราลำดับความคิดได้ดีขึ้น มีขั้นตอนในการทำงานและการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้น เวลาไปทำงานรู้สึกเป็นเรื่องง่ายไปเลยค่ะ
สวดแล้วงานสวนกระแสด้วย หลายคนบอกว่าไม่มีงาน แต่ของเราสวนกระแสค่ะ งานของเราเป็นงานเกี่ยวกับเอกสารราชการซึ่งต้องใช้ความละเอียดมาก เอกสารต้องพิมพ์ให้ถูกต้องเป็นจริงถูกต้อง แทบจะไม่ผิดเลยแม้เดียวก็มีอยู่ในตัวเองก็ผิดก็ถูกกัน วันหนึ่งก็ยังแก้ไขถึง 3 รอบ พอสวดธรรมจักรแล้วรู้สึกว่าจำรายละเอียดยังของงานได้หมด ไม่ผิดเลย แล้วอยู่ในบุญ
ลูกค้าก็เข้ามาเองค่ะ ถึงเราเป็นบริษัทเล็ก ๆ แต่บริษัทใหญ่ ๆ ที่มีหลายสาขาในประเทศไทย ก็มาให้เราทำงาน ถ้เขามีงานเขาจะนึกถึงเราเป็นเจ้าแรก
วันหนึ่ง ๆ เราสวดประมาณ 7-10 ขบ แต่ลูก ๆ สวด 5-8 ขบ ตอนเช้าไปส่งลูกที่โรงเรียนก็สวดกันในรถ ๆ บ เพราะอยากให้ลูกไปโรงเรียนปลอดภัย ให้บุญรักษา พอลูกลงรถไปแล้ว กว่าเราจะถึงที่ทำงานได้อีก 2 ขบ ตอนเย็นไปรับลูกได้อีก 2 ขบ รับลูกไปบ้านได้อีก 1 ขบ ก่อนนอนสวดอีก 2 หรือ 3 ขบ
บุญจากการสวดธรรมจักรนี้ทำให้ครอบครัวเรามีแต่ปัญหาไม่มีปัญหาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข การสวดธรรมจักรและไปวัดทำให้เรามีกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำให้เราสบายใจ รู้สึกปล่อยวาง ไม่ติดกับทางโลกมากนัก สามีเราบอกว่า ถ้าได้มาสวดธรรมจักรกับครอบครัวทำให้เขามีความสุข การงานก็ดีขึ้น ทำอะไรก็ง่ายขึ้น
ลูกคนโตของเราน้องสิตา ตอนนี้เรียนอยูปั้นปีที่ ๓ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์